ในการเดินทางไปมาเลเซียเมื่อวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา การเดินทางเที่ยวในมาเลเซียส่วนใหญ่ จะเป็นการเดินทางโดยรถไฟ ครั้นจะรีวิวสถานีรถไฟอย่าง KL Sentral (สะกดภาษาแบบมาเลย์) ก็มีหลายกระทู้ที่รีวิวไปแล้ว หรือจะรีวิวการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า LRT ก็มีหลายคนรีวิวแล้วเช่นกัน แต่สำหรับบทความนี้ ผมขอมารีวิวสถานีรถไฟสองสถานีด้วยกัน คือสถานีรถไฟกัวลาลัมเปอร์เก่า และสถานีรถไฟเริมเบา
เหตุที่ต้องมาเขียนรีวิวสถานีรถไฟทั้งสองก็เนื่องจากว่า ตัวผมได้เดินทางไปเที่ยวเมืองเริมเบา รัฐเนอเกอรีเซิมบิลัน แล้วก็ถ่ายรูปสถานีมาซะละเอียด 55555 แต่ครั้นจะเอาไปใส่ในกระทู้เที่ยวเมืองเริมเบาก็กลัวว่าเนื้อหาที่ผมต้องการจะสื่อมันจะแปร่ง กลายเป็นกระทู้สถานีรถไฟแทน เอาละครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
1. สถานีรถไฟกัวลาลัมเปอร์เก่า
ก่อนอื่นเรามารู้ข้อมูลของสถานีรถไฟแห่งนี้คร่าวๆกันก่อน สถานีรถไฟกัวลาลัมเปอร์นี้เคยเป็นสถานีศูนย์กลางของการเดินทางของรถไฟในมาเลเซีย ที่ทำการของบรรษัทรถไฟมาเลเซียหรือ KTM ก็ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีแห่งนี้ โดยสถานีรถไฟแห่งนี้เริ่มเปิดทำการเมื่อปี 1886 แล้วมีการก่อสร้างใหม่ในปี 1910 โดยมี Arthur Benison Hubback เป็นผู้ออกแบบ ซึ่ง A.B. Hubback ได้ออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรมแบบ Mughal (ผมไม่ได้เรียนสถาปัตย์ ไม่ชำนาญเรื่องพวกนี้) เอาเป็นว่าดีไซน์ของสถานีรถไฟกัวลาลัมเปอร์นี้คล้ายคลึงกับดีไซน์ของมัสยิดจาเมกซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกคนเดียวกัน
สถานีกัวลาลัมเปอร์มีความสำคัญในการคมนาคมทางรถไฟในมาเลเซียอย่างมาก โดยเฉพาะรถไฟระยะไกลหรือ Intercity หรือในภาษามาเลย์คือ Antara Bandar กระทั่งปี 2001 จึงได้มีการย้ายศูนย์กลางของระบบขนส่งทางรางจากสถานีแห่งนี้ไปยังสถานีกัวลาลัมเปอร์เซ็นทรัล หรือเคแอลเซ็นทรัลที่เราคุ้นเคยกันนั่นเอง
การเดินทางมาที่สถานีรถไฟแห่งนี้ ง่ายที่สุดคือนั่งรถไฟฟ้า LRT สาย Kelana Jaya มาลงที่สถานี Pasar Seni จากนั้นเดินตามสะพานลอยข้ามแม่น้ำกลังมายังตัวอาคารสถานี
ทางเข้าสถานีจากสะพานข้ามจากสถานี Pasar Seni
เมื่อเข้ามาในตัวสถานี หันซ้ายจะเจอห้องน้ำ(ที่ใช้การไม่ได้)และประตูกั้นเพื่อเดินลงไปยังชานชาลา(เราอยู่ชั้นสองของตัวอาคาร) มองเลยไปข้างหน้าทางซ้ายจะเจอช่องขายตั๋ว พอหันไปทางขวาก็จะเจอกับเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ
จุดแรกเมื่อเข้ามา
จุดขายตั๋ว ด้านบนมีจอแสดงเที่ยวรถไฟต่างๆที่ผ่านสถานีรถไฟแห่งนี้
เครื่องขายตั๋วอัตโนมัติ
สารภาพตามตรงว่า ผมไม่ค่อยไว้ใจเครื่องขายตั๋วของ KTM เท่าไหร่นัก แล้วคนท้องถิ่นเองก็ไม่ค่อยซื้อตั๋วรถไฟผ่านเครื่องขายตั๋วด้วย ส่วนใหญ่ก็จะซื้อกับพนักงานตรงๆเลย
เมื่อได้ตั๋วมาแล้วก็เดินไปที่ชานชาลาเลยครับ
ก่อนอื่นก็ผ่านประตูกั้นนี้ก่อน
เดินมานิดนึงจะเจอกับบันไดเลื่อน สังเกตุที่ป้าย คือมาแล้วเหมือนสถานีร้าง เหมือนสถานีผีสิง คือมันเก่า มันดูไม่มีคน และดูขาดการดูแลมากๆ
กำลังจะลงบันไดเลื่อน บันไดเลื่อนไม่ทำงานครับ มีสองตัวเสียสองตัว ตอกย้ำการไม่ดูแลรักษาเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างเดินลงบันได(ไม่)เลื่อน ก็เจอรถไฟวิ่งมาพอดี
สำหรับคนที่จะเดินทางไปเที่ยวโดยใช้รถไฟ KTM Komuter จากสถานีนี้นะครับ ตัวชานชาลาที่รถไฟนี้ผ่านคือชานชาลาตรงกลาง หรือชานชาลา 2 และ 3 แต่ของผมผมเลือกลงชานชาลาที่ 1 เพื่อที่จะถ่ายตัวอาคารก่อนครับ
เมื่อเดินลงมา มองจากตรงนี้ยังพอเห็นทรงอาคารอยู่ครับ
กระจกหน้าต่างของสถานี ด้วยความที่สถานีแห่งนี้เคยเป็นสถานีใหญ่มาก่อน ช่วงที่เป็นสถานีใหญ่ผมคาดว่าการใช้งานห้องหับต่างๆน่าจะเต็มทุกสัดส่วน แต่พอสถานีนี้ถูกลดระดับความสำคัญลงไป การใช้งานตัวอาคารก็ไม่เต็มที่เหมือนแต่ก่อน หลายห้องรู้เลยว่าถูกปิดตาย บางห้องร้างกระจกแตกหลายบานอย่างเห็นได้ชัด
ภาพนี้ถ่ายจากชานชาลาที่หนึ่งซึ่งจะเห็นชานชาลาที่สองสามและสี่ รวมถึงอาคารที่ชานชาลาที่สี่ ซึ่งผมไม่ได้เดินไปดูตรงจุดนั้นเพราะความขี้เกียจ
ป้ายชานชาลาที่หนึ่งครับ ไปทางใต้ south, selatan คือไปทางสถานีรถไฟ KL Sentral ครับ
ทีนี้เรามาดูด้านในตัวอาคารกันบ้าง
ด้านในตัวอาคารนี้ผมไม่ได้ลืมปรับแสงนะครับ อันนี้ตั้งใจปรับตามแสงธรรมชาติเลย คือตัวอาคารมืดมาก แล้วดูแล้วคนก็คงจะไม่ค่อยใช้บริการสถานีนี้เท่าไหร่ เท่าที่สังเกตุเห็นมีบูธหลายบูธตั้งอยู่ แต่ไม่มีใครเฝ้า คือมีแต่บูธร้าง(ตามความเข้าใจของผม) ผมคิดว่าทางสถานีน่าจะเปิดไฟให้สว่างกว่านี้นะครับ
สถานีรถไฟทุกสถานีในมาเลเซียมีการปรับปรุงเรื่องของชานชาลาหมดแล้ว คือยกชานชาลาให้สูงเทียบเท่าระดับของขบวนรถ ซึ่งเรื่องนี้บ้านเรายังไม่ทำ ดังนั้นคนแก่หรือคนพิการที่จำเป็นต้องใช้บริการรถไฟในบ้านเราจึงค่อนข้างจะลำบากเพราะตัวขบวนรถไฟนั้นสูงกว่าชานชาลา เมื่อสถานีรถไฟมีการยกระดับชานชาลาหมดแล้ว การเดินข้ามทางรถไฟแบบบ้านเราจึงทำไม่ได้(เพราะตัวชานชาลาค่อนข้างสูง)
ตัวสถาปัตยกรรมของสถานี แบบอินเดีย อันนี้ถ่ายระหว่างที่ผมเดินบนสะพานข้ามระหว่างชานชาลา
แล้วเราก็ข้ามมายังชานชาลาตรงกลางครับ รถไปตัมปินขึ้นที่ชานชาลาที่สาม
สถานีกัวลาลัมเปอร์มีรถไฟฟ้า KTM Komuter ผ่านสองสายนะครับคือสายที่ไปกลังกะไปตัมปิน ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ผมไปสายตัมปิน(สายสีแดง)
ถ่ายจากชานชาลาที่สอง
แปลเป็นภาษาไทยคือระวังอันตราย
ก่อนจะรีวิวสถานีรถไฟเริมเบา ผมขอเล่าอะไรนิดนึง ระหว่างที่ผมถ่ายรูปอยู่นั้น ผมก็เกิดปวดท้องฉี่ขึ้นมา ก็เลยไปเข้าห้องน้ำ ใจก็อยากจะรีวิวห้องน้ำมาให้ดูด้วย แต่พอเข้าไปถึง สภาพนี่สกปรกมากกกก ห้องน้ำรถไฟไทยเราดีกว่าพอควรเลยทีเดียว แล้วโถฉี่แบบเก่าของมาเลย์(ย้ำว่าแบบเก่า) ที่ไม่ได้มีการปรับปรุง คือมันจะมีลักษณะเป็นรางน้ำยาวๆ ไม่ได้เป็นโถ คล้ายๆห้องน้ำตามปั้มบ้านเราสมัยก่อน ยังไงยังงั้นเลย แล้วห้องน้ำ ห้องน้ำทุกห้องไม่กดชักโครกทุกห้อง(พระเจ้าาาา) ผมพยายามจะชักตัวชักโครกเพื่อทำความสะอาด(ส้วมสมัยเก่าจริงๆใช้ชักไม่ใช้กด) น้ำไม่ออก คือเละเทะเลย แสดงให้เห็นว่า ห้องน้ำไม่มีการดูแลเลยแม้แต่น้อย น่าเสียดายนะครับ น่าจะมีการดูแลมากกว่านี้ ทำให้ดูสะอาดและสว่างกว่านี้จะดีมาก มันจะกลายมาเป็นแหล่งที่น่าเที่ยวได้นะผมว่า
จากรีวิวสถานี(เคย)ใหญ่ แล้วเราไปดูสถานีเล็กกันบ้าง
2. สถานีรถไฟเริมเบา
พอลงจากรถไฟที่สถานีเริมเบา ฝนก็กำลังลงเลยทีเดียว สถานีเริมเบาตัวสถานีค่อนข้างใหม่ ในความเห็นผมสถานีเริมเบาถือว่าเป็นสถานีเล็กนะครับ ส่วนประวัติของสถานีนี่ผมไม่ทราบว่าเริ่มสร้างปีไหนเมื่อไหร่
ลงมาก็จะเห็นป้ายบอกสถานีก่อนหน้า (Sungai Gadut) และสถานีถัดไป (Pulau Sebang) และบอกชานชาลา
ป้ายประเพณีสถานีเริมเบา ถ้าบ้านเราก็เป็นป้ายสีขาวๆนั่นแหละครับ แต่ที่นี่ใช้สีน้ำเงิน
จากรูปเมื่อกี้จะเห็นนะครับว่า เมื่อสถานีรถไฟในมาเลเซียปรับปรุงชานชาลาแล้วหมายความว่า ทุกสถานีจะต้องมีสะพานข้ามทั้งหมด และห้ามเดินข้ามชานชาลาโดยเด็ดขาด
รูปนี้ถ่ายจากชานชาลาที่ 1 จะเห็นว่าตัวชานชาลาแยกออกจากอาคารสถานีชัดเจน และเชื่อมกันด้วยสะพานข้าม โดยตัวอาคารสถานีจะอยู่ซ้ายมือ
ภาพจากชานชาลาที่หนึ่งถ่ายไปที่ชานชาลาที่สอง
พอลงจากรถ ข้ามสะพานข้ามชานชาลามายังตัวอาคารสถานี ก็จะเห็นแนวกั้นแบบนี้ ด้วยความที่สถานีเริมเบาไม่ได้สร้างประตูกั้นอัตโนมัติเหมือนสถานีอื่นๆ ทำให้วิธีการเก็บตั๋วคืน(ตั๋วเหรียญ)จึงใช้วิธีการแบบมาเล๊...มาเลย์ นั่นก็คือ
ใช้กล่องกระดาษมาตั้งแล้วเอาตั๋วแบบเหรียญวางทิ้งไว้นั่นเอง ส่วนสถานีเริมเบานั้นเวลาออกตั๋ว จะออกเป็นตั๋วกระดาษแทน ซึ่งหลังจากที่ผมเดินทางมาแล้วผมก็พบว่าหากจะลักไก่เดินทางฟรีนั้น หากจะทำก็ทำได้ เพราะแต่ละสถานีเองก็ยังใช้ระบบตั๋วไม่เหมือนกัน บางสถานีไม่มีที่กั้นแบบที่ผมว่า มันเลยมีช่องโหว่พอสมควร แต่เอาเป็นว่าผมไม่แนะนำ แล้วอย่าไปทำเลยนะครับ ไม่ดีหรอกครับ
ภายในสถานี เรียกได้ว่าไม่มีอะไรเลย นอกจากที่ขายตั๋วด้านหน้า หลังหลังที่ผมยืนก็เป็นทางไปห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำที่สถานีเริมเบานั้นสะอาดมากๆ มากกว่าสถานีกัวลาลัมเปอร์หลายเท่า ด้านหน้าที่เห็นเป็นแนวไกลๆคือแนวกั้นเพื่อไปยังชานชาลารถไฟ เอาเป็นว่ารถไฟมาเลย์หากจะส่งกันก็ส่งกันได้แค่นี้ จะไปส่งถึงชานชาลา หรือส่งยันบนขบวนรถไฟแบบบ้านเรานั้นทำไม่ได้ครับ ส่วนทางซ้ายมือ(ไม่เข้าเฟรม)เป็นบันไดเพื่อลงไปชั้นล่างแล้วออกจากตัวอาคารครับ
อันนี้เป็นทางสถานีเอารูปภาพสถานีเก่าๆมาติดไว้
ออกมาด้านหน้าสถานี คือจะบอกว่าตัวอาคารสถานีนี้ดูใหญ่ แต่ใหญ่เพียงโครงสร้างครับ เมื่อเดินเข้ามา ชั้นล่างไม่มีอะไรมีก็แต่ลิฟท์หรือบันไดเพื่อขึ้นไปชั้นสอง ซึ่งเป็นจุดจำหน่ายตั๋วและทางเดินไปชานชาลาแค่นั้น แต่อนาคตผมคาดว่าหากเขาจะขยายการใช้งาน ขยายห้องหับต่างๆก็น่าจะทำได้ การออกแบบให้ใหญ่อาจจะเป็นการออกแบบเผื่อไว้ในอนาคต(มโนล้วนๆ)
ด้านหน้าสถานี
ด้านหน้าสถานีอีกมุม
ด้านหน้าสถานีแบบเก็บหมดทั้งอาคาร
ด้านนอกของสถานีเริมเบา ฝนเพิ่งหยุดตก
บทความนี้ผมอยากให้ผู้อ่านได้เห็นตัวสถานีสถานีรถไฟของประเทศเพื่อนบ้าน แล้วลองเปรียบเทียบกันดู หรือจะลองเปรียบเทียบกับสถานีรถไฟในบ้านเราก็ได้นะครับว่าดีหรือด้อยกว่าเราอย่างไร สำหรับผมผมมองว่ามาเลย์เริ่มเปลี่ยนแปลงก่อน เริ่มปรับปรุงก่อน เขาจึงเห็นผลงานเป็นชิ้นเป็นอันมากกว่า แต่หากถามว่าระบบต่างๆดีกว่าบ้านเรามากมั้ย ส่วนตัวผมมองว่าไม่เท่าไหร่ ดีกว่าแต่ก็ยังไม่มาก แล้วในขณะนี้โครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในบ้านเรากำลังก่อตัวและมีการพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะระบบขนส่งทางราง ผมเชื่อมั่นว่า หากเรายังพัฒนาไปแบบนี้ เรามีโอกาสตามทันแล้วเผลอๆอาจจะแซงเลยก็ได้ ยังไงก็ลองพิจารณาดูนะครับ ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้าครับ
พี่คะ พี่รีวิวทำวีซ่ามาเลใช่มั้ยคะ หนูรบกวนสอบถามพี่เรื่องทรานสคริปหน่อยคะ
ตอบลบช่วยกรุณาส่งเมล์มาให้คำตอบหนูก็ได้ค่ะ
thitin_an@hotmail.con