ผมได้มีโอกาสเดินทางไปที่จังหวัดลพบุรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2560 แต่ว่ามาเขียนช้าไปอาทิตย์กว่าๆเพราะว่าช่วงที่ผ่านมา มีเรื่องเยอะโดยเฉพาะเรื่องเรียน เลยไม่ได้มาเขียนแบบทันทีทันใด
หลังจากที่ผมกลับมาจากอุบลราชธานี ด้วยรถไฟขบวนใหม่"อีสานวัตนา"ที่มีความเพรียบพร้อมในสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ถัดมาเพียงสองสัปดาห์ผมก็ได้มีโอกาสขึ้นรถไฟอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นรถไฟฟรีครับ สาเหตุที่ได้มีโอกาสไปที่ลพบุรีนี้ ผมไม่ได้ไปเที่ยวนะครับ ทั้งๆที่ใจอยากจะเที่ยวมากก็ตาม แต่จุดประสงค์หลักคือไปแสดงความยินดีกับ"พี่ตั๊บโต้" พี่ชายที่สนิทกันมาแต่เด็ก พี่เขาเรียนนายสิบอยู่ที่นี่ แล้ววันนั้นคือวันสำเร็จการศึกษา และติดยศเป็นนายสิบตรีครับ เลยมีโอกาสได้ไปที่นี่
ทริปนี้เราเริ่มต้นแต่เช้าครับ ผมตื่นมาตีสามครึ่ง ออกจากบ้าน เพื่อให้ทันรถไฟชานเมืองในเวลา 04.47น. นั่งแท็กซี่จากบ้านใช้เวลาไม่นานก็ถึงสถานีรถไฟบางเขน แล้วสิ่งที่เจอก็คือ
ช่องจำหน่ายตั๋วปิด ไอ้เราก็งานเข้าสิ ตีสี่รถออกตีสี่สี่สิบเจ็ด ที่ขายตั๋วไม่เปิด แล้วตรูจะได้ขึ้นรถมั้ย ก่อนอื่นบอกก่อนว่า การซื้อตั๋วรถไฟ(ในกรณีที่เสียเงิน)หรือรับตั๋วรถไฟ(ในกรณีเป็นรถไฟฟรี) จะต้องใช้บัตรประชาชนในการยืนยันตัวตน แล้วเจ้าหน้าที่ถึงจะออกตั๋ว แต่ๆๆ มันไม่มีเจ้าหน้าที่ไง ก็เดินไปถามพี่ รปภ. พี่แกบอกว่า "รถไปลพบุรีหยิบตั๋วที่โต๊ะได้เลย"
สรุปคือพี่แกปริ้นตั๋วรถไฟฟรีเป็นตั้ง ใส่ไว้หน้าเคาท์เตอร์เลย อยากไปก็มาหยิบ ไปกี่คนก็หยิบตามจำนวนคนเลย แบบนี้ก็ได้ใช่มั้ย 55555 งี้แหละครัช แบบไทยๆ ฝรั่งมันคิดไม่ออกหรอก ทำแบบนี้เนี่ย เจ้าหน้าที่ก็ไม่ต้องตื่นมาตีสามตีสี่ คนจะไปก็สะดวกหยิบตั๋วแล้วไปเลย เป็นสไตล์ pick&ride
ได้ตั๋วมาแล้วครับ รถไฟชานเมืองขบวนที่ 303 ถึงสถานีลพบุรีเวลา 07.06น. ปริ้นออกมาไม่ตรงช่องอีกต่างหาก
ทริปนี้ไม่ได้ไปคนเดียว มีน้องพี่ตั๊บโต้ซึ่งเป็นคนชวนผมไปด้วยกัน ตอนนี้คือตอนที่มันกำลังเล่นมือถือ รอรถไฟอยู่บนชานชาลาที่หนึ่ง
สถานีรถไฟบางเขนเป็นสถานีรถไฟอีกแห่งหนึ่งที่ผูกพันกับผมเช่นกัน สถานีนี้ถ้าเทียบแล้วก็ไม่ใช่สถานี้ใหญ่มากนัก(รถสปินเตอร์ไม่จอด) ตัวอาคารเมื่อก่อนมีสองอาคารคือชานชาลาที่สอง คือชานชาลาที่ติดกับถนนวิภาวดีรังสิต ส่วนชานชาลาที่หนึ่ง คือชานชาลาในรูปเมื่อสักครู่ เมื่อก่อนตรงนั้นจะมีอาคารหลัก แล้วก็ที่ทำการสถานี เซเว่น ห้องน้ำต่างๆจะอยู่ในชานชาลานี้หมด แต่พอมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง อาคารสถานีหลักก็ถูกรื้อ เหลือแต่ตรงชานชาลาที่สองในรูปข้างบนนี้ ส่วนสำนักงานต่างๆก็ย้ายไปอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ จนกว่ารถไฟฟ้าสายสีแดงจะเสร็จ
ตอนเช้าๆแบบนี้ก็มีคนมารอขึ้นรถไฟเหมือนกันนะ
และแล้วรถไฟชานเมือง ขบวนที่ 303 ก็มาถึงสถานีบางเขนครับ มาดูกันว่าเราจะเจออะไรบ้าง
ภายในตู้โดยสาร
ห่วงจับ
อันนี้ก็ที่ให้จับ
ป้ายบอกเลขที่นั่ง ริมทางเดิน หรือจะริมหน้าต่าง สำหรับรถไฟฟรีก็แล้วแต่เราเลย อยากนั่งตรงไหนนั่ง ใครใคร่นั่งนั่ง ใครใคร่ยืนยืน
ภายในอีกซักรูป จะเห็นว่าตู้นี้ตอนเช้าโล่งมากๆ
หรือจะยืดขานอนแบบพี่เขาก็ตามสบายนะ
รถผ่านสถานีคลองพุทรา
มาเช้าที่สถานีอยุธยา
นั่งริมหน้าต่าง แล้วมองตามทางไปเรื่อยๆ นึกถึงตอนเด็กที่นั่งรถไฟกับป๊ามากเลย
ถึงจะเป็นรถไฟฟรี แต่ก็มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจตั๋วนะครับ
จะสถานีเล็ก หรือป้ายหยุดรถ รถชานเมืองจอดหมดครับ แต่ก่อนตอนเด็กๆก็งงว่าทำไมสถานีบางสถานีมันอยู่กลางป่ากลางเขา บางสถานีไม่มีอาคาร(ป้ายหยุดรถ)แล้วมันมีคนขึ้นเหรอ คำตอบคือมีนะครับ แล้วสถานีเหล่านี้ก็มีความสำคัญกับคนท้องถิ่นด้วย อันนี้ถือเป็นคุณูประการหนึ่งของการรถไฟเลยทีเดียว
พระอาทิตย์ขึ้นที่สถานีชุมทางบ้านภาชี สถานีชุมทางบ้านภาชีคือสถานีรถไฟที่เป็นทางแยก ระหว่างสายอีสานและสายเหนือ
รางที่อยู่ริมด้านในคือเส้นที่ไปอีสาน
แม้พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว แต่มันก็ยังหลับอยู่ 5555555
จากอยุธยา คนเริ่มขึ้นรถไฟเยอะขึ้น
ข้างทางรถไฟสายอีสานสายเหนือไม่ต่างกันครับ ทุ่งนาซะมาก
และแล้วก็ถึงสถานีลพบุรี สิ่งแรกที่ทำหลังจากลงจากรถคือ ดูนาฬิกาครับ มาเช็คกันว่ารถไฟตรงเวลาหรือไม่ ปรากฎว่า ตรงนะครับ ผมมองว่ารถที่ออกเช้า กับรถที่ออกจากสถานีรถไฟต่างจังหวัด รถจะค่อนข้างตรงเวลา เมื่อเทียบกับรถไฟที่ออกในช่วงเวลาไพรม์ไทม์
หลังจากที่มาถึง ก็ไปร่วมกิจกรรมวันติดยศของพี่ตั๊บโต้ที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล ตั้งแต่เช้ายันเย็น โดยถือโอกาสเป็นช่างภาพให้พี่เขา
หลังจากเจอแดดทั้งวัน ร้อน เหนื่อย หิว(เพราะข้าวไม่กินเลย) ก็ถึงเวลากลับบ้านซึ่งผมก็กลับโดยรถไฟฟรีเหมือนเดิมครับ แต่เหนื่อยมาก เลยไม่ได้ถ่ายรูปอะไรไว้ แต่ก่อนจะกลับก็ได้มีโอกาสถ่ายรูปบริเวณสถานีรถไฟลพบุรี เลยจะเอารูปมาฝากกันครับ
สถานีลพบุรีเป็นสถานีที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง ห่างจากสถานที่ประวัติศาสตร์ไม่ไกลนัก เช่น พระปรางค์สามยอด, ศาลพระกาฬ ตรงข้ามกับสถานีก็เป็นวัดพระศรีมหาธาตุ สังเกตุคือ ตัวอาคารของสถานีนั้นคล้ายกับอาคารของสถานีอุบลราชธานีมาก
สถานีรถไฟมักจะคู่กับหัวรถจักรไอน้ำ อยู่คู่กันเสมอ
วัดพระศรีมหาธาตุ ออกมาหน้าสถานีรถไฟก็เจอเลย
บริเวณโดยรอบสถานีรถไฟ เป็นย่านการค้า(มั้ง) มีรถตู้จอดรอรับลูกค้า
ด้านหน้าสถานีในมุมเฉียง
บริเวณทางเข้าสถานี
ห้องโถงภายในสถานี
จุดจำหน่ายตั๋ว
เมื่อเราเดินเข้ามาในตัวสถานี หันไปทางซ้ายจะเจอกับร้านค้า ทางขวาจะเป็นที่จำหน่ายตั๋ว แล้วเราเดินออกมาก็จะเป็นชานชาลา
ป้ายนี้บอกชัดเจนว่าสถานีลพบุรีคือส่วนหนึ่งของเส้นทางสายเหนือ
ชานชาลาที่หนึ่ง
ป้ายประเพณีของสถานีลพบุรี
เดินมาเรื่อยๆจนสุดชานชาลาที่สอง สิ่งที่พบเห็นระหว่างการเดินถ่ายรูปคือ ช่วงที่ผมเดินทางกลับคือช่วงเย็น ผมเริ่มเห็นหลายคน เดินออกกำลังกายบนชานชาลาสถานี ด้วยความที่สถานีนี้ชานชาลามันยาวมาก การมาออกกำลังกายก็เลยได้เป็นผลพลอดได้ไปด้วย เห็นมั้ยว่าสถานีรถไฟบ้านเรามันไม่ใช่แค่ที่รับส่งผู้โดยสารอย่างเดียว มันเป็นที่ออกกำลังก็ได้ด้วยนาาาาา
จากสุดแนวชานชาลา หันหลังกลับไปทางขวามือของภาพ ก็จะเห็นเป็นซากโบราณสถานตั้งอยู่ ตอนถ่ายก็ไม่รู้ถ่ายงงๆไป พอมาค้นอีกที ซากนี้คือโบราณสถานวัดนครโกษา
สุดท้ายอยากจะบอกว่า ลพบุรีเอง ถ้ามาเที่ยวทางรถไฟก็เที่ยวง่ายนะ ลงรถมา ก็เจอซากโบราณสถานเลย ถ้าได้ปั่นจักรยานเที่ยวด้วยก็ดี แต่อากาศกลางวันร้อนมาก มาครั้งนี้ผมไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปสถานที่ท่องเที่ยวมาฝาก
ปล. รถไฟชานเมืองบ้านเรา ถ้าเทียบกับมาเลเซียก็คือ KTM Komuter ปัจจุบันรถชานเมืองมาเลย์นี้วิ่งเป็นรถไฟฟ้า(ที่เราจะทำสายสีแดงในตอนนี้) รถคอมมูเตอร์มาเลย์วิ่งจากกัวลาลัมเปอร์ไปเนอกรีเซมบิลัน ไปเปรัค แล้ววิ่งสายเหนือจากปีนังไปปาดังเบอซาร์ แล้วรถเขาออกเนี่ยออกถี่ มันทำให้การเดินทางออกนอกเมืองของคนมาเลย์เองค่อนข้างสะดวก ขณะที่บ้านเรา รถไฟชานเมืองวิ่งเช้าหนึ่งรอบเย็นหนึ่งรอบ ความจริงรถชานเมืองบ้านเราที่วิ่งในท้องถิ่นก็มีมาก มีผู้ใช้บริการก็มาก หากเราทำให้ดีเพิ่มเที่ยววิ่ง อาจจะไม่วิ่งทั้งวันแบบมาเลเซีย แต่อย่างน้อยเพิ่มเช้ากะเย็น ผมว่ามันจะช่วยดึงคนออกไปอยู่นอกเมืองมากขึ้นนะ คือรถสายสีแดงถึงรังสิตนี่ก็โออยู่แล้ว แต่ถ้ารถชานเมืองที่วิ่งไปลพบุรี สระบุรี โคราช หรือรถที่วิ่งในท้องถิ่น เช่น โคราช-อุบลแบบนี้ ถ้าเพิ่มรถเพิ่มเที่ยววิ่ง ผมว่ารถทัวร์สู้ไม่ได้
ว่าแล้วก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะครับ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยครับ ไว้เจอกันใหม่ในโอกาสต่อไป จะพยายามหาเรื่องมาเขียนบล็อคเรื่อยๆครับ
นั่งรถไฟถ่ายรูป ต้องหาโอกาสทำบ่อยๆ เคยทำอยู่หนสองหน คิดถึง.. ปอลิง . เขียนดีแบบนี้ ขอเข้ามาอ่านบ่อยๆนะ
ตอบลบ