เชื่อว่าผู้อ่านหลายท่านน่าจะไม่เคยได้ไป หรือไม่เคยได้ยินชื่อ หรือไม่เคยสนใจเมืองนี้มาก่อน แต่วันนี้ผมจะพาทุกท่านมาเที่ยวที่เมืองเริมเบา ประเทศมาเลเซียครับ
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงเลือกมาเที่ยวที่เมืองเริมเบานี้ สาเหตุก็มาจาก ผมได้ดู MV เพลงๆหนึ่ง เพลงนี้มีชื่อว่า "Satu Hari Di Rembau" หรือแปลเป็นภาษาไทยก็คือหนึ่งวันในเริมเบา ตามที่ผมเอามาตั้งเป็นชื่อของบล็อกในวันนี้นี่เอง
Satu Hari Di Rembau, Jalan Sampai Ku Penat
หนึ่งวันเริมเบา เดินกันจนเหนื่อย
Satu Hari Di Rembau, Makan Sampai Ku Berat
หนึ่งวันในเริมเบา กินกันจนอิ่ม
Satu Hari Di Rembau, Lepak Dengan Kawan
หนึ่งวันในเริมเบา พักผ่อนกับเพื่อนๆ
Pengalaman Di Rembau, Takkan Di Lupakan
ประสบการณ์ที่เริมเบา ไม่มีวันลืม
ก่อนอื่นต้องรู้ข้อมูลเบื้องต้นของเมืองนี้กันก่อน เริมเบามีสถานะเป็นเขต(Daerah)หรืออำเภอ ตั้งอยู่ในรัฐเนอเกอรีเซิมบิลัน(Negeri Sembilan) ในเขตเริมเบาแบ่งออกเป็น 17 มุกิม(Mukim)หรือตำบล อยู่ห่างจากเมืองเซอเริมบัน(Seremban)เมืองหลวงของรัฐเนอเกอรีเซิมบิลันทางตอนใต้ 25 กิโลเมตร
สำหรับการเดินทางมายังเมืองเริมเบาจากกัวลาลัมเปอร์นั้นง่ายดายมากๆ โดยมีรถไฟ KTM Kommuter ให้บริการ ซึ่งในบล็อกนี้ผมจะรีวิวการใช้งานรถไฟ Kommuter แบบคร่าวๆ แต่จะเน้นบรรยากาศของเมืองเริมเบาเป็นหลัก ส่วนสถานีรถไฟกัวลาลัมเปอร์(เก่า)และสถานีรถไฟเริมเบานั้นผมอาจจะทำเป็นรีวิวต่างหากออกมาอีกทีนะครับ
เริ่มจากทางเข้าสถานี ในการเดินทางครั้งนี้ ผมเดินเข้าตัวสถานีจากทางข้ามของสถานีรถไฟฟ้า Pasar Seni
เมื่อเดินมาทางซ้ายมือจะเห็นประตูกั้นและต่อด้วยช่องขายตั๋ว ก่อนอื่นก็ทำการซื้อตั๋วโดยสารกันก่อนครับ โดยค่าโดยสารจากสถานีกัวลาลัมเปอร์ไปยังเริมเบาอยู่ที่ 11.40 ริงกิต
ขาไปจากสถานีกัวลาลัมเปอร์ ทางเจ้าหน้าที่จะออกให้เป็นเหรียญ
เมื่อได้ตั๋วแล้วก็ข้ามประตูกั้นไปยังชานชาลากันครับ
สำหรับการเดินทางไปเริมเบา เราจะเลือกขึ้นที่ชานชาลาที่สามนะครับ
ที่ชานชาลาแสดงเวลาออกรถ รถของเราเป็นขบวนรถปลายทางสถานี Tampin รถจะมาเทียบชานชาลาจาก Batu Cave เวลา 08.54น.
รถคอมมูเตอร์มาเทียบชานชาลาแล้วครับ ในความเห็นของผมรถ KTM Kommuter มันก็เหมือนกับรถไฟชานเมืองบ้านเรานี่แหละครับ ของเขาจะวิ่งร้อยกว่าๆกิโลออกจากกัวลาลัมเปอร์ อย่างสายที่ผมขึ้นนี้วิ่งจากบาตูเคฟ รัฐสลังงอร์ ไปสุดที่สถานีตัมปิน รัฐมะละกา ผ่านพื้นที่รัฐสลังงอร์ ต่อที่กัวลาลัมเปอร์ ทะลุรัฐสลังงอร์อีกรอบ ต่อมาที่รัฐเนอเกอรีเซิมบิลัน แล้วสุดที่รัฐมะละกา โดยทาง KTM นั้นใช้รถไฟฟ้าในการวิ่ง แล้วมีการเพิ่มรอบออกบ่อยๆในแต่ละวัน ในไทยผมก็เห็นหลายสายเช่นไปลพบุรี ไปแก่งคอย เป็นต้น แต่บ้านเรายังไม่ได้วิ่งกันแบบถี่ๆเหมือนที่นี่ ถ้าบ้านเราทำ ผมว่ามันจะเป็นการผ่องถ่ายคนให้ออกไปอยู่นอกเมืองมากขึ้น
ภายในรถ ดูสะอาด สว่าง กว้างขวาง
มีบอกรายนามสถานี คือจะบอกว่ารถไฟชานเมืองสายเซอเริมบันนั้น วิ่งจากบาตูเคฟไปจนถึงตัมปิน แต่ในป้ายนี้ยังสุดอยูที่สุไหงกาดุด คือยังไม่ได้อัพเดทสองสถานีสุดท้าย คือเริมเบากับตัมปิน
ออกมาได้แป๊ปเดียวก็เจอเลย การทักทายจากฝน ตกค่อนข้างหนัก
ข้างทางมีถนนสลับกับป่าปาล์มเป็นระยะๆ ข้างทางรถไฟมาเลย์จะคล้ายๆเวลาเรานั่งรถไฟสายใต้ ซึ่งสำหรับผมถือว่าค่อนข้างแปลกตา เพราะสายอีสานบ้านเรามองไปก็เจอแต่ทุ่งนา แต่อันนี้เจอแต่ต้นปาล์ม
และแล้วเราก็มาถึงสถานีรถไฟเริมเบา ใช้เวลาในการเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ประมาณเกือบสองชั่วโมง
ด้านหน้าสถานีรถไฟเริมเบา หันหลังกลับแล้วเดินตรงไปเลยครับ
เดินผ่านใต้สะพานนี้เลย ตัวเมืองเริมเบาห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 300 เมตร
เมื่อเดินมาเรื่อยๆก็จะเห็นบรรดาตึกแถวเก่าๆตั้งเรียงราย เริมเบาเป็นเมืองที่ค่อนข้างเล็ก มีถนนเพียงไม่กี่เส้นที่ตัดผ่าน ดังนั้นจึงแทบไม่ต้องนั่งรถเลยสำหรับเมืองนี้ สามารถเดินเที่ยวได้เลย
ปีเหล่านี้ยืนยันได้ถึงความเก่าแก่ของตึกแถวเหล่านี้ได้ดี ปี 1928 นี่มันสมัยอาณานิคมเลยทีเดียว มาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษปี 1957 นั่นคือ ตึกนี้เกิดก่อนการก่อตั้งประเทศมาเลเซียซะอีก
เมื่อเดินมาเรื่อยๆก็เจอกับหลายสิ่งหลายอย่างที่จัดเรียงแสดงให้ผมดู ผมพูดเลยว่าวันนั้นมีผมเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียว คนเดียวจริงๆที่บ้ายืนสะพายกล้องเดินถ่ายนู่นถ่ายนี่ไปทั่วเมือง
โกดังเก็บเครื่องดื่มของบริษัทF&N ที่ปัจจุบันบริษัทไทยเบฟเทคโอเวอร์ไปแล้ว
มีแผงขายอาหาร ขายผลไม้ตั้งอยู่ริมถนน
ร้านเฟอร์นิเจอร์ร้านนี้ไม่ได้เปิด ทำให้เราเห็นว่าร้านนี้ใช้ประตูแบบเก่าดูเรทโทรสุดๆ
แล้วสุดๆจริงๆคือร้านถ่ายรูปร้านนี้ที่คงความเก่าในการแต่งร้าน ในร้านมีรูปของคนต่างๆ เดาว่าน่าจะเป็นลูกค้าที่มาถ่ายรูปที่ร้าน เดาว่าส่วนใหญ่ในตอนนี้คงแก่มากแล้ว เพราะแต่ละรูปเก่าๆทั้งนั้น ผมพยายามใช้ความกล้าในการถ่ายรูปในร้านนี้ สุดท้ายก็ใช้วิธีที่ตัวเองถนัดคือ พอสบช่วงเจ้าของร้านหายไปหลังร้านก็จัดการถ่ายทันที
เมื่อเดินมาเรื่อยๆก็มาเจอกับมัสยิด มัสยิดนี้ชื่อว่ามัสยิด An-Nur
ตรงข้ามมัสยิดเป็นร้าน KFC เท่าที่สังเกตุคือในมาเลเซียเอง แทบทุกเมืองหลักๆจะมี KFC แบบนี้ เป็นร้านแบบนี้ตั้งอยู่เสมอ
เดินมาเรื่อยๆก็เจอร้านของชำ
มันดูเรทโทรดีนะ
Balai Polis หรือภาษาไทยคือ สถานีตำรวจ เดาว่าตำรวจที่เมืองนี้งานน่าจะน้อย
เมืองนี้วิวดีมาก ติดเขา มองเห็นเขา
เดินมาเรื่อยๆก็เจอกับ Dataran Rembau ดาตารันภาษามาเลย์แปลก็แปลว่าลาน อันนี้ก็ออกแนวเป็นลานกิจกรรมเอนกประสงค์ของเมือง
เห็นอันนี้ติดตาตั้งแต่ในมิวสิกวีดีโอ satu hari di rembau แล้ว
หลังจากเดินตามถนนใหญ่แล้ว จากตึกนี้จะมีซอยเล็กๆ ก็ลองเดินเข้าไปดู แล้วก็เจอ
นี่ครับ ร้านกาแฟหรือ Kedai Kopi คืออยากจะบอกว่าร้านนี้แนวมาก สตาร์บัค แบล็คแคนยอน อเมซอน ถอยไปเลย ร้านนี้ตั้งแอบๆอยู่ในซอยเล็กๆ ทางเข้าที่ดูไม่เหมือนร้านกาแฟตามความเคยชินของผม ทำผมประหลาดใจมากๆ เขาไม่แคร์ลูกค้าจริงๆนะ ขณะที่ผมกำลังถ่ายรูป เจ้าของร้านก็ออกมา ก็เลยขออนุญาตถ่ายรูป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าไปด้านใน น่าเสียดายมากๆ
ระหว่างเดินไปในซอยก็เจอคุณยายท่านนี้กำลังเดินก็ชักภาพซะหน่อย
ร้านมุยฟง ได้ยินจากเพลงเหมือนกัน ตั้งใจจะมากิน หาตั้งนานก็หาไม่เจอ สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเดินผ่านสามสี่รอบ เขาเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ แต่ป้ายเล็กยังเป็นมุยฟงอยู่ ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ร้านปิดครับ ตั้งใจจะมากินแท้ๆ อดเลย
จากนั้นก็เดินเรื่อยเปื่อยเล่นๆในซอยซักพัก ก็ถ่ายนั้นถ่ายนี่ไปเรื่อย ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย
คนขวามือไม่รู้จัก แต่คนซ้ายมือคือ Khairy Jamaluddin นักการเมืองพรรคอัมโน ซึ่งเป็นส.ส.เขตเลือกตั้งเริมเบา
ร้านตัดผมในเมืองเริมเบา
เมื่อเดินจนทั่ว จนพอใจแล้วก็เดินกลับมายังสถานีรถไฟเริมเบาเดินทางกลับกรุงกัวลาลัมเปอร์
ขาไปได้เป็นเหรียญ ขากลับได้ตั๋วกระดาษ 5555
สุดท้าย เริมเบาเป็นเมืองเล็กๆ หลายคนอาจจะไม่สนใจ ที่ดึงดูดใจสู้เมืองอื่นไม่ได้ แต่หากต้องการไปดูวิถีต่างจังหวัด ความเรทโทร ตึกแถวเก่าๆ ความสงบ เดินทางง่าย ที่นี่ตอบโจทย์ อยากให้ลองแวะไปเที่ยวดู มามาเลย์ไม่จำเป็นต้องไปเกนติ้ง มะละกา หรือปีนัง ผมคิดว่าบล็อกนี้น่าจะเป็นรีวิวแรกๆในไทยที่รีวิวเมืองนี้(เท่าที่เจอนะครับ) ส่วนผม ด้วยความที่ชอบดูตึกแถวเก่าๆเมืองนี้ผมชอบเลย ยิ่งเห็นร้านต่างๆริมถนนมันเหมือนกับเราได้ย้อนไปในอดีต ด้วยความที่หลายร้านนั้นจัดร้านแบบเดิมค่อนข้างมาก ลองดูครับ สำหรับบทความนี้ถ้ามีอะไรขาดตกบกพร่องก็ขออภัยด้วยนะครับ เจอกันใหม่บทความหน้าครับ
ปิดท้ายด้วยรูปแมวที่เมืองเริมเบา แมวภาษามาเลย์เรียกว่า kucing (กูชิง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น