เกาเถี่ย เป็นภาษาจีน แปลว่ารถไฟความเร็วสูง หรือรถไฟหัวกระสุน หรือรถไฟชินคังเซ็น ทีจีวี หรืออะไรก็ได้ช่างมันเหอะ ผมรู้ศัพท์นี้มาจากคลิปสอนภาษาของเจ๋อโบกวนจีน ต้องขอบคุณพี่ๆทั้งสองด้วย ผมจำคำนี้จนขึ้นใจเลย
ผมเองทั้งชีวิตก็ยังไม่เคยนั่งหรอก ไอ้รถไฟประเภทนี้เนี่ย ถามว่ามีความฝันอยากจะนั่งเป็นบุญก้นซักครั้งมั้ย ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่พอดีการมาเที่ยวซันมูนเลคทำให้มีโอกาสที่จะได้นั่งรถไฟความเร็วสูง เมื่อมีโอกาส ก็ใช้โอกาสนั้นให้คุ้มหน่อยจะเป็นไรไป ว่าแล้วก็จัดไปตั๋วขากลับจากไถจงปลายทางไทเป เดี๋ยวจะพาไปดูบรรยากาศที่สถานีรถไฟความเร็วสูงไถจงและบรรยากาศในรถไฟกัน
รถไฟความเร็วสูงของไต้หวันดำเนินการโดย บริษัท Taiwan High Speed Rail Corperation หรือ THSR ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับรถไฟปกติของไต้หวันที่ดำเนินการโดย Taiwan Railways Administration โดยบริการรถไฟความเร็วสูงของไต้หวันเริ่มเปิดให้บริการเมื่อปี 2007 มีทั้งสิ้น 1 สาย วิ่งตั้งแต่สถานี Nangang กรุงไทเป สิ้นสุดที่สถานี Zhuying นครเกาสง ระยะทาง 350 กิโลเมตร มีสถานีรถไฟ 12 สถานี เอาเป็นว่า รถไฟความเร็วสูงสายนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเชื่อมต่อเมืองหลวงทางเหนือ สู่เมืองใหญ่อันดับสองทางภาคใต้
ด้วยความที่ระบบรถไฟในไต้หวันใช้ญี่ปุ่นเป็นต้นแบบ ความจริงผู้ที่ก่อกำเนิดการรถไฟไต้หวันก็คือญี่ปุ่นนั่นแหละ เพราะญี่ปุ่นขณะปกครองไต้หวันได้เริ่มสร้างทางรถไฟเพื่อลำเลียงแร่ธาตุต่างๆที่ขุดได้ในเกาะไต้หวันลงเรือขนกลับไปให้ญี่ปุ่น ดังนั้น รถไฟความเร็วสูงนี้ต้นแบบก็หนีไม่พ้นประเทศญี่ปุ่นเขาล่ะ โดยปัจจุบัน รถไฟ HSR ใช้รถ 700 Series Shinkansen ที่ผลิตจากญี่ปุ่น ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เอาล่ะสาระมาเยอะแล้ว ผมออกจากซันมูนเลคโดยนั่งรถบัสมาลงที่สถานีรถไฟความเร็วสูงไถจง ซึ่งตั้งอยู่คนละที่กับสถานีรถไฟไถจงนะครับ พอลงจากรถมาก็เข้าไปในตัวสถานีเลย
พอเข้าไปในอาคาร จะยังไม่เจอที่ขายตั๋วในทันที ต้องขึ้นบันไดก่อน ผมใช้คำว่าบันไดนะ ความจริงมันมีบันไดเลื่อนแหละ แต่มันมีแต่ฝั่งเลื่อนลง ที่ผมเห็นนะ ความจริงบันไดเลื่อนมันต้องเน้นเลื่อนขึ้นสิ
พอเดินขึ้นมาก็จะเจอโถงใหญ่แบบนี้
มีเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติด้วย
แต่ผมเลือกซื้อกับพนักงานครับ
ในระหว่างที่ซื้อ ตอนแรกก็โดนทักเป็นภาษาจีน พอตอบอังกฤษ พนักงานก็เปลี่ยนโหมด จนผมมาสะดุดกับ รูปแบบตั๋วที่นั่งของรถไฟความเร็วสูงที่แบ่งเป็นแบบ Reserve กับ Non-Reserve ผมก็ทวนถามพนักงานไปอีกรอบ พนักงานเห็นผมยืนงงอีกเจ๊แกใส่ภาษาจีนเลยจ้าาาาาาา งงหนักสิ ฟังไม่รู้เรื่องนี่นา
สรุปคือ Reserve คือ จองตั๋วแล้วมีที่นั่งด้วย การันตีว่ามีที่นั่งแน่ๆ ส่วน Non-Reserve คือ มีตั๋ว แต่ไม่มีที่นั่ง เชิญท่านผู้โดยสารไปฟาดฟันแย่งชิงกันเอาเอง ซึ่งในขบวนรถไฟจะมีตู้โดยสารสำหรับผู้ที่ถือตั๋วแบบ Non-Reserve ไว้ให้ต่างหาก
หลังจากคุยกันเรียบร้อยก็จ่ายค่าเสียหายไป 700NT ก็ได้ตั๋วมาสมใจ ต้นทางไถจง ปลายทางไทเป
ก่อนจะเข้าชานชาลา ต้องเอาตั๋วมาเสียบตรงนี้ก่อน คล้ายๆ MRT บ้านเรา
ผ่านที่เสียบตั๋วแล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนมาเลย
เมื่อขึ้นมาบนชานชาลาแล้ว เขาจะบอกเลยว่าตรงช่องนี้ รถคันนี้จะมาจอด ให้ไปยืนรอได้เลย
แล้วสักพัก รถไฟก็เคลื่อนมา
เมื่อเข้ามาในรถไฟแล้วก็จะเป็นแบบนี้
ส่วนผมได้ที่นั่งตรงกลาง ซ้ายมือผมเป็นหญิงวัยกลางคนนั่งริมหน้าต่าง ขวามือผมนั่งริมทางเดินเป็นภิกษุณี ทำให้การนั่งรถไฟของผมนั้นต้องนั่งเกร็งไปตลอดทาง แม้จะเคยได้ยินว่านักบวชมหายานจะไม่ถือมากนักในเรื่องการถูกเนื้อต้องตัวเพศตรงข้าม แต่ผมในฐานะผู้นับถือศาสนาพุทธสายเถรวาท ก็ขอยึดหลักแบบเถรวาทไว้ก่อนคือพยายามเลี่ยงไม่ถูกตัวท่านให้มากที่สุด ถึงขนาดว่าอยากเข้าห้องน้ำแต่ก็เกรงใจเพราะท่านเอากระเป๋าท่านวางขวางด้วย สร้างความกระอักกระอ่วนใจกับผมพอสมควร
อันนี้บริเวณที่นั่ง จะเห็นว่าที่วางขากว้างมาก เบาะนุ่มนั่งสบาย แล้วตรงโต๊ะจะบอกรายละเอียดต่างๆ ว่าเจ้าหน้าที่ประจำขบวนอยู่ตู้ไหน ปลั๊กชาร์จไฟอยู่ตู้ไหน ห้องน้ำอยู่ตู้ไหน เป็นต้น
ในรถมีที่วางกระเป๋า สำหรับคนที่มีสัมภาระที่ใหญ่เป็นพิเศษ
ตรงประตูตู้โดยสาร จะคล้ายๆกับตู้โดยสารรถไฟใหม่บ้านเรา คือประตูจะเปิดเมื่อเราเอามือไปสัมผัสกับปุ่มด้านข้างประตู
ทีนี้มาดูห้องน้ำบ้าง ห้องน้ำถือว่าสะอาดมาก แต่เสียอย่างเดียว ไม่มีสายชำระ อันนี้สู้รถไฟไทยไม่ได้
หน้าห้องน้ำมีตู้กดเครื่องดื่มไว้บริการอีกด้วย ความจริงบนรถก็มีพนักงานเข็นรถขายอาหารอยู่แล้ว อันนี้ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง รถไฟไทยน่าจะมีนะ
นั่งรถไฟมาเพลินๆ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง รถก็มาจอดที่สถานีรถไฟไทเป ซึ่งเป็นที่เดียวกันกับสถานีรถไฟไทเปเมนสเตชั่นนั่นแหละครับ แล้วพอดูนาฬิกาปรากฎว่ารถไฟถึงก่อนเวลาที่ระบุในตั๋วด้วย อันนี้พีคสุด ออกตรงเวลาแต่ถึงก่อนเวลา เพราะตามตั๋วรถไฟจะถึงไทเป 13.29 แต่นี่มาถึงตอน 13.20
เร็วกว่าเดิมตั้ง 9 นาที!!!
ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว แต่จะดีกว่านี้ถ้าได้นั่งริมหน้าต่างนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น