วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2562

นั่งบัสไป Sun Moon Lake ง่ายๆแต่ไปทำให้มันยากเอง

25 เมษายน 2562 ผมกลับมาไต้หวันเป็นครั้งที่สาม การมาไต้หวันรอบนี้ห่างจากครั้งที่แล้วประมาณสามเดือน ซึ่งการมาไต้หวันรอบนี้มีสถานที่หนึ่งที่ตั้งใจจะมานั่นก็คือ

ทะเลสาบสุริยันจันทรา




ทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือ Sun Moon Lake เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน ตั้งอยู่ในเทศมณฑลหนานโถว ประเทศไต้หวัน เหตุที่ชื่อสุริยันจันทรา เนื่องจากตัวทะเลสาบนี้ประกอบไปด้วยสองส่วน โดยสองส่วนมีรูปร่างคล้ายคลึงกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ โดยมีเกาะลาลูคั่นกลางทำให้ดูเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนยิ่งขึ้น แต่ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ในไต้หวันเมื่อปี 2542 ทำให้เกาะดังกล่าวมีขนาดเล็กลง นอกจากนี้ หากไปดูในเว็บกูเกิ้ลแมปจะเห็นว่า ตัวทะเลสาบนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางของเกาะไต้หวันแบบพอดิบพอดีอีกด้วย

โอเคครับ บรีฟกันมาพอสมควรแล้ว ผมขอเข้าประเด็นเลยดีกว่า

หลายๆคนเวลาไปซันมูนเลค จากการสำรวจของผมในเว็บรีวิวต่างๆมักจะไปกันด้วยรถไฟความเร็วสูงจากไทเปไปลงที่ไถจงแล้วต่อด้วยรถบัส แต่ผมมีความคิดว่า

1. ราคาแพงไป (งกนั่นเอง) รถไฟความเร็วสูงเที่ยวเดียวราคา 700NT ขณะที่รถบัสเที่ยวเดียวราคา 460NT
2. ตั้งใจจองรถบัสเพราะรถบัสใช้เวลานานกว่า(อยากนอน) ถ้านั่งรถไฟความเร็วสูงไปไถจงใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเศษ ต่อรถบัสมาที่หนานโถวใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมง แต่รถบัสจากไทเปใช้เวลาเกือบสี่ชั่วโมง ผมไม่ค่อยได้นอนตอนนั่งเครื่องบิน เลยตั้งใจจะจองรถบัสเพื่อที่จะนอนในรถบัส

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นอน....ปั๊ดโธ่!!!

หลังจากผมลงจากรถบัสบริษัทกั๋วกวงที่สถานีรถไฟไทเป ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการคมนาคมของไต้หวัน ผมต้องแบกเป้สองใบ น้ำหนักร่วมสิบกิโลอย่างทุลักทุเลไปไปที่สถานีขนส่งไทเป ซึ่งอยู่ด้านหลังของสถานีรถไฟ

ในบริเวณนี้นอกจากจะมีสถานีรถไฟแล้ว ยังมีสถานีรถไฟใต้ดิน สถานีรถไฟด่วนสนามบิน และสถานีขนส่ง โดยรถบัสกั๋วกวงจะจอดบริเวณหน้าท่ารถบัสของบริษัท(ท่ารถบัสที่ไปสนามบินกับสถานีขนส่งอยู่คนละที่กัน)

วิธีไปก็คือเดินข้ามถนนเลย หรือ เดินลงไปในสถานีรถไฟ แล้วเดินตามทางเดินใต้ดิน ซึ่งผมเลือกวิธีที่สองครับ



จากรูปจะเห็นป้ายเขียนว่า Taipei Bus Station เดินตามป้ายนี้มาเลยครับ ไม่ยากๆ

เมื่อเดินมาจะเจอสถานีรถบัสแบบนี้


เข้าไปข้างในก็จะคล้ายๆกับสถานีรถบัสทั่วๆไป แต่ดูดีกว่าบขส.บ้านเราอยู่ครับ


ร้านค้ามีเยอะนะ แต่หลายร้านยังไม่เปิด ก็มี Hi-Life หนึ่งในร้านสะดวกซื้อยอดนิยมของไต้หวันนี่แหละที่เปิดให้บริการอยู่

ตอนแรกที่ผมไป ผมก็พยายามมองหาป้ายคำว่าซันมูนเลค เพราะนึกว่ามันจะโชว์เป็นป้ายขึ้นมาเลย ก็เลยมองหาแต่ป้ายซันมูนเลค มองไปทางไหนก็หาไม่เจอ ผมนี่เดินวนเป็นเดินจงกรมเลย สุดท้ายด้วยความเหนื่อย ผมเลยเปิดกูเกิ้ลหาเอา(ซึ่งมันควรทำตั้งแต่แรกมั้ย?) จึงพบว่า ให้ไปซื้อตั๋วที่ช่องบริษัท King Bus ช่องหมายเลข 26-30 พอผมไปถึงมันมีป้ายขึ้นว่าซันมูนเลคจริง แต่ด้วยความที่มันเป็นป้ายบนจอทีวี ป้ายก็เลยเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา



เดินเลยร้าน Hi-Life มาหน่อยก็จะเจอกับช่องขายตั๋วเต็มไปหมดแบบนี้


ถ้าจะไปซันมูนเลคก็เลือกซื้อตั๋วช่องของบริษัท King Bus หรือกั๋วกวงนั่นแหละ ช่องหมายเลข 26-30 เท่านั้นนะครับ ราคาตั๋ว 260NT หรือประมาณ 270 บาท รถบัสออกเวลา 10.00น.


ได้ตั๋วมาแล้วก็ขึ้นไปชั้นสองได้เลยครับ ตัวอาคารสถานีขนส่งไทเป ชั้นล่างจะเป็นที่จำหน่ายตั๋วและร้านค้า ส่วนชั้น 2-4 จะเป็นที่รอรถบัสครับ

แล้วตัวเองก็วุ่นอีก ตอนซื้อตั๋ว ผมได้ยินว่า โฟร์ วัน โฟร์ อะไรซักอย่าง แล้วในตั๋วมีเลข 14 ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นชั้นสี่ประตูสิบสี่ แต่พอไปถึงที่ประตู มันไม่ใช่บริษัทรถบัสที่เราซื้อตั๋ว แถมยังไปคนละทางอีก เอาอีกแล้วครับ เดินวนหากันอีกรอบ แล้วสไตล์ผม ไม่จนมุม ไม่พูด ไม่ถาม ปากหนัก ต้องหาเองให้เจอก่อน แต่ยิ่งเดินก็ยิ่งงง คือชั้น 4 มันก็ไม่ใหญ่หรอกครับ แต่เดินวนมันไปเรื่อย แถมพอดูเวลาเหลืออีก 30 นาที กลัวตัวเองจะตกรถ เพราะเพิ่งฟาดเคราะห์ตกเครื่องมาหมาดๆ สุดท้ายเลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ ถึงได้รู้ว่า

มารอผิดชั้น ความจริงต้องรอที่ชั้นสอง ไม่ใช่ชั้นสี่

พอลงมาชั้นสอง ประตู 14 เท่านั้นแหละครับ เหมือนขึ้นสวรรค์ 5555 เจอแล้ววววว ประตูบอกชื่อบริษัท King Bus พร้อมกับปลายทาง


รอได้สักพัก เจ้าหน้าที่ก็มาเรียกขึ้นรถ


อันนี้รูปภายในรถ เสียดายไม่ได้ถ่ายตัวรถมา ผมได้นั่งฝั่งเบาะหนึ่งคน บอกเลยสบายสุดๆ ในรถคันนี้มีห้องน้ำนะครับ เข้าได้ไม่ลำบาก และด้านข้างเบาะทุกที่นั่งมีที่เสียบ USB ไว้ชาร์จไฟโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต

ผมเคยตั้งข้อสังเกตหลายครั้งว่า ที่ไต้หวันนั้นให้ความสะดวกกับประชาชนมาก เพราะสังคมสมัยนี้คนเป็นทาสโทรศัพท์ ทาสแท็บเล็ต ผมเห็นว่าตามสถานที่สาธารณะที่นี่ทุกแห่ง ต้องมีที่ชาร์จ USB ให้ประชาชนได้ใช้งานได้ แถมที่ชาร์จในรถยังชาร์จได้เร็วอีกต่างหาก

ระหว่างนั่งรถ จากทีแรกตั้งใจว่าจะนอน แต่ความตื่นเต้นมันครอบงำ เลยแทบไม่ได้นอนเลย



ทางที่ผ่านส่วนใหญ่จะเป็นป่าเป็นเขา คงเป็นเพราะไต้หวันพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีผ่านอุโมงค์บ้างเป็นระยะๆ ที่รู้สึกดีใจคือ มาไต้หวันครั้งไหนฟ้าไม่เป็นใจเลยซักครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นท้องฟ้าใสขนาดนี้ เหมือนเป็นสัญญาณว่าทริปนี้น่าจะเป็นทริปที่ดี

กิจกรรมที่ทำระหว่างอยู่บนรถ นอกจากนั่งฟังเพลง ซึ่งการเดินทางรอบนี้ เพื่อให้ได้ฟีลลิ่งว่าอยู่ไต้หวัน เลยเปิดเพลงไต้หวันฟังมันซะเลย ฟังไม่ออกแหละ (อีกไม่นานคงฟังออกเพราะตอนนี้กำลังเรียนจีนอยู่) แต่ก็ฟัง อีกกิจกรรมหนึ่งคือพยายามดูป้ายภาษาจีน แล้วหาว่ามีคำไหนที่ตัวเองอ่านออกบ้าง ก็พบว่า ป้ายส่วนใหญ่ที่ผ่านตาผม ทุกป้ายจะต้องมีคำที่ผมอ่านออกอย่างน้อย 1 ตัว เลยรู้สึกว่าที่เรียนๆไปเริ่มเห็นผลแล้ว มากสุดอ่านออก 4 ตัวในหนึ่งป้าย เพราะก่อนหน้านี้ผมอ่านไม่ออกซักตัว แต่ตอนนี้ผมเริ่มอ่านออกบ้างแล้ว ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการอ่านที่ผมใช้มาตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้เวลาเจอป้ายภาษาจีนต้องยืนมองแล้วหาว่ามีคำไหนบ้างที่ตัวเองอ่านออก

รถมาจอดที่ Shuishe Visitor Center ตอนประมาณ 13.25 ใช้เวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมงตามที่เคยอ่านในกระทู้ต่างๆ เมื่อมาถึงก็จะมีบรรดาคนขายทริปทัวร์ต่างๆมายืนกันเต็มหน้าประตูรถ ตัวผมลงมาแล้วไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินไปเช็คอินที่โรงแรมเลย 55555


อันนี้เป็นบริเวณรอบๆ Shuishe จะมีร้านให้เช่าจักรยาน โรงแรม และร้านอาหารต่างๆเต็มไปหมด จากตรงนี้เลยไปอีกนิดเดียวก็จะเป็นท่าเรือ Shuishe สามารถนั่งเรือข้ามฝั่งทะเลสาบไปยังฝั่ง Ita Thao แล้วเดินช็อปปิ้งตามร้านค้าต่างๆได้หรือจะไปขึ้นกระเช้าไปเที่ยวบนเขาก็ได้ สำหรับตั๋วเรือต่างๆนั้นจะมีขายอยู่ที่ Shuishe Visitor Center หรือตามโรงแรมต่างๆก็มีขาย ของผมซื้อตั๋วเรือแบบ Day Pass ราคา 100NT ส่วนตัวผมว่า ไม่ค่อยมีอะไรหรอก หมายถึงกิจกรรมให้ทำนะ แต่แค่ไปดูทะเลสาบผมว่าก็โอเคแล้ว เดี๋ยววันพรุ่งนี้ผมจะปั่นจักรยานตามเส้นทางในซันมูนเลค ถ้าขยันพอจะเอามาเขียนบล็อกแชร์กันอีกครับ....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น