แต่มีอีกเส้นทาง ที่ผมต้องการจะมาปั่นเช่นกัน นั่นคือ เส้นทาง Fulong Loop Bike Trail ระยะทาง 25 กิโลเมตร แต่ความจริงผมไม่ได้มีความตั้งใจที่จะปั่นทั้ง 25 กิโลเมตรหรอกครับ ผมต้องการแค่ปั่นในเส้นทาง Fulong Old Caoling Tunnel หรือเส้นทางที่จะไปอุโมงค์รถไฟเก่า ระยะทาง 5 กิโลเมตรแค่นั้น อีก 20 กิโลนี่อารมณ์พาไปล้วนๆ
เส้นทางจักรยานที่ผมปั่นก็ตามเส้นสีแดงในแผนที่เลยครับ เส้นทาง Old Caoling Circle-lined หรือ Fulong Loop Bike Trail เป็นเส้นทางจักรยานลักษณะแบบวงกลม เริ่มต้นจากสถานีรถไฟฟูหลง นครนิวไทเป แรกเริ่มเลียบผ่านทางรถไฟ ไปจนถึงอุโมงค์รถไฟเก่า Caoling ลอดอุโมงค์ ข้ามเขตเข้าสู่เทศมณฑลอี๋หลาน พอออกจากอุโมงค์ ปั่นเลียบมหาสมุทรแปซิฟิก แล้วกลับมาบรรจบที่สถานีรถไฟฟูหลง เป็นอันสิ้นสุด รวมระยะทางทั้งสิ้น 25 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่บอกได้เลยว่า
หันซ้ายเจอภูเขา หันขวาเจอทะเล
การเดินทาง เริ่มต้นที่นี่ครับ สถานีรถไฟกลางไทเป ที่นี่คือจุดเริ่มต้นของรถไฟทุกสายในเกาะไต้หวัน อาคารโอ่โถงกว้างขวางมาก
จากนั้นก็มุ่งหน้าไปซื้อตั๋วรถไฟกัน วันนี้เราจะไปฟูหลง
ได้ตั๋วมาแล้วครับ ตั๋วเป็นรถท้องถิ่น จอดทุกสถานี ราคา 83NT
จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถไฟกันเลย
บริเวณโถงก่อนลงไปที่ชานชาลา
ลงบันไดเลื่อนเพื่อไปรอรถไฟ
บริเวณชานชาลา
ป้ายประเพณี สถานีรถไฟไถเป่ย (อ่านแบบไถวานเหริน)
แต่การเดินทางไปฟูหลงของผม ก็สร้างความงงให้กับตัวเอง เพราะฟูหลงไม่ใช่สถานีปลายทาง ดังนั้น อุปสรรคแรกคือจะต้องหาให้ได้ว่าจะไปฟูหลง ต้องนั่งรถสายไหน อ่านที่จอก็งงเพราะไม่รู้เรื่อง สุดท้ายเลยต้องใช้สกิลปาก ไปถามเจ้าหน้าที่รถไฟ เจ้าหน้าที่ก็ตอบว่า
ตอนนี้ไม่มีรถที่ไปฟูหลง
อ้าววววววว....แล้วยังไง...ผมคิด แล้วก็ถามว่า "แล้วผมต้องทำยังไง"
เจ้าหน้าที่บอกว่า มีสองทางเลือก หนึ่ง นั่งรถไฟท้องถิ่นไปลงที่รุ่ยฟาง แล้วต่อรถที่นั่น สอง นั่งรถด่วนแล้วจ่ายเงินเพิ่มอีก 10NT บนรถ ถึงฟูหลงเลย ไม่ต้องต่อรถ
ไอ้ผมก็ไม่แน่ใจว่า ถ้าเลือกขึ้นรถด่วนแล้วจ่ายเงินแล้วจะโดนเขาไล่ลงรถหรือไม่ หรือถ้าถึงรุ่ยฟางแล้วจะอธิบายกับเจ้าหน้าที่อย่างไรหากเขาขอดูตั๋ว จิตตกขึ้นมาซะอย่างนั้น แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจใช้วิธีที่หนึ่ง คือนั่งรถท้องถิ่นแล้วต่อรถเอา
นั่งรถไฟประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานีรุ่ยฟาง
บริเวณชานชาลา อุปสรรคที่สองก็มา นั่นคือ ฝน ตอนนั้นคิดแล้วว่า หรือแค่พอถึงฟูหลงแล้วเดินเล่นแถวนั้นแล้วก็นั่งรถกลับเลย ฝนตกแบบนี้ปั่นจักรยานลำบากแน่ๆ
จากนั้นก็รอขบวนรถท้องถิ่นอีกขบวน ขบวนนี้ปลายทางอยู่ที่สถานี Suao ซึ่งฟูหลงเป็นทางผ่าน จนถึงตอนนี้ฝนก็ยังไม่หยุดตกซักที
อันนี้มองไปนอกหน้าต่างรถไฟ ฝนก็ยังไม่หยุด มองไปมองมา เริ่มรู้สึกว่าข้างทางรถไฟนี่บรรยากาศคล้ายนั่งรถสายอีสานกลับบ้านเลย
ใช้เวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มาถึงสถานีฟูหลงครับ
ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ถ่ายเมื่อถึงสถานีแห่งนี้ ให้สังเกตด้านขวามือของภาพจะเห็นเหมือนราง ตรงนี้คือที่สำหรับให้คนที่เอาจักรยานขึ้นรถไฟมาด้วย ใช้เข็นจักรยานขึ้นบันไดนั่นเอง จะได้ไม่ลำบากเวลาขึ้นบันไดข้ามชานชาลารถไฟ นี่เป็นหนึ่งตัวอย่างของการเอาใจใส่ของรัฐบาลไต้หวันในการเอาใจใส่ต่อผู้ใช้จักรยาน ซึ่งเมืองฟูหลงถูกยกให้เป็นอีกเมืองที่ใช้เส้นทางจักรยานเป็นจุดขายในการท่องเที่ยว
บริเวณด้านในอาคารสถานี
ออกมาจะเจอช่องขายตั๋ว สถานีฟูหลงเป็นสถานีเล็กครับ ดังนั้นตัวสถานีจึงไม่มีอะไรมาก เพราะฟูหลงนี่ก็ชนบทของไทเปแล้ว
ด้านหน้าอาคาร จะเห็นว่ามีบรรดาเด็กๆและผู้ใหญ่เตรียมตัวปั่นจักรยานกัน
หันหลังให้ตัวสถานี มีร้านเช่าจักรยานสามร้าน มีร้านอาหาร มีร้านเซเว่น ที่นี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางจักรยาน
บรรดาเจ้าของร้านเช่าจักรยานกำลังสาละวนกับการดูแลลูกค้า เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันอาทิตย์ คนเลยเยอะเป็นพิเศษ
ส่วนผมก็เลือกจักรยานเช่นกัน คราวนี้เลือกเสือภูเขาเหมือนอย่างเคย ได้ยี่ห้อ GIANT เหมือนเดิม เข้าใจได้ เพราะเป็นรถสัญชาติไต้หวัน ค่าเช่ารถแบบเหมารายวัน 100NT คืนรถก่อนห้าโมงเย็น เซ็นชื่อแล้วเอาบัตรประชาชนให้ทางร้านเป็นตัวประกัน
คันนี้แหละครับที่ได้ เห็นรูปแล้วนึกถึงเพลงพี่เสก โซโล เอ้ยยยย โลโซ จักรยานสีแดง (จะเก่าไปไหนนนน)
สำหรับเส้นทางจักรยานนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะหลง เพราะมีป้ายบอกเป็นระยะ ว่าแล้วก็เริ่มกันเล้ยยยยย
เส้นทางจะเริ่มจากหน้าสถานีรถไฟฟูหลง เลี้ยวขวาแล้วตามทางไปเรื่อยๆ
เริ่มแรกยังเป็นทางธรรมดานะครับ มีรถยนต์วิ่งร่วมด้วย ต้องปั่นจักรยานชิดขวาไว้ สังเกตป้ายด้านขวา ปักไว้บอกว่า เส้นทางจักรยานจักรยานนี้ผ่านมาแล้วจากจุดเริ่มต้น 500 เมตร
ปั่นมาจะเจอกับทางลอดใต้ทางรถไฟ
ก็ปั่นต่อไปอีก
ตอนแรกปั่นลอดทางรถไฟ ตอนนี้ปั่นข้ามทางรถไฟแล้ว
หลังจากผ่านทางข้ามทางรถไฟ ก็จะเจอทางจักรยาน
ถ้าเห็นแบบนี้คือเราปั่นมาได้ 2.5 กิโลเมตรแล้วนะ
ตามพวกป้าๆไปเลยครับ
พอถึงตรงนี้ ทางไต้หวันเขาฉลาด ตรงนี้เป็นทางรถไฟเก่า เขาก็ใส่กิมมิก ทำให้มันเป็นรูปเหมือนรางรถไฟ อารมณ์ประมาณ เรากำลังปั่นจักรยานบนทางรถไฟอยู่นะ
เห็นรูปรางรถไฟมั้ยครับ
พอปั่นตามทางจักรยานอีกนิดเดียวก็จะเจอกับอุโมงค์รถไฟเก่า Caoling อุโมงค์รถไฟเก่านี้มีความยาวกว่า 2 กิโลเมตร เราจะปั่นจักรยานลอดอุโมงค์นี้กัน
อุโมงค์ Caoling สร้างขึ้นตั้งแต่ยุค 1920 คนที่สร้างก็แน่นอนครับ ญี่ปุ่นพ่อของไต้หวันนั่นเอง เพื่อเชื่อมภาคเหนือของเกาะไต้หวัน ไปสู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาะ พอถึงยุค 1980 ได้มีการสร้างอุโมงค์รถไฟแห่งใหม่ จึงได้เปลี่ยนไปใช้อุโมงค์แห่งใหม่ซึ่งอยู่ข้างๆกัน ที่นี่ถูกทิ้งร้างจนกระทั่งปี 2008 ทางการไต้หวันได้เปลี่ยนที่นี่เป็นเส้นทางแล้วก็กลายมาเป็นหนึ่งในจุดขายของเมืองฟูหลงแห่งนี้จนถึงปัจจุบัน
ระหว่างปั่นจักรยาน ก็มีกลุ่มเด็กเล็กโขยงใหญ่ปั่นตามกันมาหลายสิบคัน ไอ้ผมนี่ไม่ใช่เจ้าถิ่น ก็ต้องตามน้องๆเขาไป มาไต้หวันนี่ผมเจอเด็กปั่นจักรยานเยอะมาก
ภายในอุโมงค์
ปั่นไปซักพักจะเจอเส้นแบ่งเขตแดน
ซ้ายคืออี๋หลาน ขวาคือนิวไทเป (ผมอ่านไม่หรอกหรอก ไปหาข้อมูลจากเน็ตมา 5555)
พอปั่นใกล้ถึงทางออก จะมีเสียงดนตรีให้ฟังด้วย อารมณ์แบบเป็นดนตรีเพลงจีน แล้วระหว่างที่ปั่นในอุโมงค์ สัญญาณโทรศัพท์หายเกลี้ยง 3G 4G ในไต้หวันก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฟังเพลงจาก JOOX อยู่ดีๆ เพลงเงียบไปเฉยเลย
เจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ซักที
ถ่ายรูปอุโมงค์อีกฝั่งหนึ่งซักหน่อย
เมื่อออกมาจะเจอภาพนี้
อุโมงค์แห่งใหม่ตั้งอยู่ข้างๆกัน
แล้วก็มีรถไฟวิ่งผ่าน
เดินเลยไปหน่อยเป็นจุดชมวิว
ขึ้นไปข้างบนแล้วถ่ายกลับมาที่อุโมงค์อีกรอบ
จะเห็นว่าซ้ายมือคืออุโมงค์ใหม่ที่ใช้เป็นทางรถไฟในปัจจุบัน ส่วนขวามือเป็นอุโมงค์เก่า ที่เพิ่งปั่นจักรยานลอดมา
พอถึงตอนนี้ผมปั่นจักรยานมาได้ 5 กิโลเมตรแล้ว ตอนนี้มีทางเลือกสองทางคือ หันรถกลับ สอง ปั่นต่ออีก 20 กิโลเมตร
แต่สุดท้ายก็เลือกปั่นต่อ ไหนๆก็ไหนๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว ต้องเอากะเขาซักหน่อย
ถ้าจะปั่นต่อก็ตามป้ายนี้มาเลยครับ
หลังจากขึ้นเนินมาก็จะเจอแบบนี้ ซ้ายภูเขา ขวาทะเล ตอนนั้นลมก็แรง ลุ้นว่าฝนจะตกหรือไม่
จากนั้นผมก็ปั่นตามเส้นทางนี้เลยครับ มันเป็นถนนเลียบทะเล แต่ตัวถนนนี่คือเขาสร้างบนเขานะครับ ไม่รู้ว่าผู้อ่านจะเข้าใจที่ผมอธิบายหรือไม่ แต่เป็นเส้นทางที่สวยงามมากๆครับ
อย่างงกับแสงกล้องนะครับ ตอนนี้ผมเปลี่ยนมาใช้กล้อง Mirrorless ถ่าย ก่อนหน้าใช้กล้องมือถือ
ปั่นไปเรื่อยก็มีสลับกับต้นไม้บ้าง พอให้ไม่เลี่ยนทะเล 5555
วิวข้างทางราคาหลักล้าน
บรรยากาศในตอนนั้นคือมันหันไปทางไหนมันก็สวยไปหมด
ปั่นมาสักพัก ขอพักขาและดื่มน้ำสักหน่อย
ด้วยความที่เส้นทางนี้เป็นเขา ดังนั้นจะมีบางจุดที่เป็นเนินขึ้นและเนินลง ถ้าเนินไม่ชั่นมาก ปั่นได้อยู่ แต่ถ้าชันมากก็เข็นครับ ซึ่งผมว่าลงเข็นมันก็ดีนะ เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถ ทำให้กล้ามเนื้อขาไม่บาดเจ็บหนักเกินไป อันนี้คิดเข้าข้างตัวเอง
อีก 15 กิโลเมตรจะถึงสถานีรถไฟฟูหลง ปลายทางของเรา
รูปนี้เป็นรูปที่ผมชอบที่สุดแล้ว วิวสวยจริงๆ นี่ถ้าผมเลือกปั่นกลับทางเก่าตอนออกจากอุโมงค์รถไฟ ผมก็จะไม่เห็นวิวสวยๆแบบนี้ ต้องขอบคุณความกล้าของตัวเอง ที่กล้าตัดสินใจปั่นจักรยานระยะไกลๆคนเดียวครั้งแรกต่างบ้านต่างเมืองแบบนี้
พอผมมาปั่นเส้นทางระยะไกล ตอนนี้ไบค์เลน ไม่มีคนอื่นเลย มีแค่ผมคนเดียว บางอารมณ์ก็มีกลัวๆบ้าง แต่ที่กังวลกว่าคือ กลัวว่าฝนจะตกกลางทาง เพราะขณะปั่นลมแรงมาก ถ้าตกกลางทางจริง คราวนี้แหละทั้งลมทั้งฝน ตัวชุ่มแน่ๆ
ปั่นไปสักพัก ก็มีป้ายบอกทางให้แยกออกจากถนนใหญ่ จากเดิมที่ปั่นเกาะกับถนนใหญ่มาตลอด
ตอนนี้ผ่านมาครึ่งทางแล้วววววว
ขณะปั่นจักรยานเจอกองถ่ายละครด้วย
บรรยากาศริมทาง ตอนนี้เห็นแต่ทะเล
พักอีกซักรอบเนอะ
จากนั้นทางจักรยานก็บังคับกลับมาที่ถนนใหญ่อีกครั้ง แต่พอปั่นไปซักพัก ก็บังคับออกมาเลียบทะเลอีกรอบ
เจอศาลเจ้าจีน เขาเรียกแบบนี้ใช่มั้ย
คนมาเที่ยวเยอะเหมือนกัน ตอนนี้เริ่มเห็นคนแล้ว หลังจากปั่นตัวคนเดียวมาตลอด รู้สึกดีใจบอกไม่ถูก
ทะเลแถบนี้เห็นแต่แนวหินตลอด ไม่เจอหาดเลย
พอผ่านเส้นทางนี้ ผมก็ปั่นมาได้ประมาณ 15 กิโลเมตรจากเส้นทางใหญ่แล้ว รวมกับของเดิมก็ปาไป 20 กิโลเมตร ผมเริ่มเห็นจักรยานคันอื่นๆบ้างแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่เห็นซักคัน
หันกลับไปมองทางที่ปั่นผ่านมา ตรงเขียวๆนั่นเป็นถนนนะครับ ผมปั่นมาทางนั้นแหละ
พอปั่นไปซักพัก จะเจอเนินสูงมากกกกกก ตรงนี้ผมไม่ปั่นละครับ เข็นอย่างเดียว พอเข็นขึ้นเนินมาก็จะบรรจบกับถนนใหญ่อีกครั้ง ตอนนี้เหลืออีกประมาณ 5 กิโลเมตรจะถึงจุดหมายปลายทาง ตอนนั้นไม่ได้ถ่ายรูปแล้ว ปั่นอย่างเดียวเลย คิดอยู่เรื่องเดียวกลัวฝนตก 5555
อันนี้เป็นรูปที่โรงเรียนประถมฟูเหลียน เป็นขั้นบันไดสีรุ้งทำเป็นที่นั่งหันหน้าเข้ามหาสมุทรแปซิฟิก
มีคนมาตกปลาด้วย
ทางแยกออกจากถนนใหญ่แยกสุดท้ายก่อนกลับเข้าเมืองฟูหลง
เริ่มเห็นบ้านคนละ
ปั่นมาอีกนิดจะเจอถนนทางเข้าสถานีรถไฟอยู่ฝั่งซ้ายมือ
และแล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เห็นสถานีรถไฟข้างหน้านั้นมั้ย
หลังจากถึงจุดหมายปลายทางก็เอารถคืนร้านเช่าจักรยาน แล้วเดินทางกลับไทเปครับ
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่อ่านบล็อกของผมจนจบนะครับ บล็อกนี้รูปภาพเยอะ แล้วก็ตั้งใจถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองด้วย ข้อมูลผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น