วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2562

เมื่อไปเรียนภาษาจีนวันแรก

12 มกราคม 2562 นอกจากจะเป็นวันเด็กแห่งชาติแล้ว ยังเป็นวันที่มีอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญของผมคือ

การได้เริ่มเรียนภาษาจีนครั้งแรก

ก่อนหน้านี้ ผมได้สมัครเรียนภาษาจีนที่ สมาคมจงหัวแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่แถวๆลุมพินี ทั้งๆที่บ้านอยู่นวมินทร์ แต่ก็ลงทุนมาเรียนถึงในเมือง ต้องนั่งรถเมล์ ต่อเรือ ต่อรถไฟฟ้า กว่าจะมาถึงที่นี่ สาเหตุที่ผมเลือกเรียนที่นี่มีเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือ

ไต้หวันนนนน...

ใช่ครับ เพราะชอบไต้หวันเลยมาเลือกเรียนที่นี่ หลายคนบอกชอบไต้หวัน ชอบภาษาจีนก็เรียนโรงเรียนอื่นได้นี่เยอะแยะไป แต่มันต่างเพราะโรงเรียนสอนภาษาส่วนใหญ่นั้นสอนแบบตัวย่อ ซึ่งใช้ในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ไต้หวันเขาไม่ได้ใช้ตัวย่อแบบจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ยังใช้ตัวเต็มในแบบดั้งเดิมอยู่ และที่นี่เป็นโรงเรียนที่สอนภาษาจีนในแบบอักษรตัวเต็ม แบบที่ไต้หวันใช้ นอกจากนี้อาจารย์หรือเหล่าซือที่สอนก็มาจากไต้หวันด้วย ที่นี่จึงเป็นสาเหตุเดียวที่ผมเลือกที่จะเรียน หากถามว่าแล้วเรียนตัวย่อไม่ง่ายกว่าเหรอ? คำตอบของผมก็มีเพียงข้อเดียว

"เพราะผมชอบไต้หวัน"

ผมได้มีโอกาสไปเยือนประเทศนี้สองครั้ง ครั้งแรกเดือนธันวาคม 2560 และหนึ่งปีถัดมาคือ ธันวาคม 2561 ไปทั้งสองครั้งก็ชอบทั้งสองครั้ง เป็นประเทศที่น่ารัก เดินทางสะดวก ธรรมชาติสวยงาม อาหารเยอะแยะ เมืองดูทันสมัย คือมันครบ มันชอบ รีวิวพันทิปหลายรีวิวที่ไปไต้หวันก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้น

แล้ววันเรียนวันแรกก็เริ่มขึ้น

ผมมาถึงสมาคมจงหัวประมาณ 12.30 น. บรรยากาศต่างจากวันที่มาสมัครอย่างสิ้นเชิง รถราแน่นขนัด พ่อแม่พาเด็กน้อย ซึ่งน่าจะเป็นลูกหลานเชื้อสายจีนมาส่งเพื่อพาไปเรียน บรรยากาศดูรวมๆแล้วมีความเป็นไทยค่อนข้างน้อย ระหว่างเดินดูอาคารต่างๆก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันเป็นภาษาจีนซะส่วนใหญ่ ทำให้รู้ว่าสังคมคนจีนนี่เหนียวแน่นกว่าที่คิดไว้มาก ผมเดินไปจนถึงบอร์ดซึ่งจะบอกหมายเลขห้องและชั้นเรียน แน่นอนว่าความรู้ภาษาจีนระดับศูนย์ของผม ต้องได้อยู่ชั้นเรียนพื้นฐานแน่นอน จากนั้นจึงเดินเข้าไปที่ห้องเรียน

ความที่ไม่เคยเรียนภาษาจีน ไม่มีพื้นฐาน ไม่มีอะไรเลย อาจจะรู้คำจีนบ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้รู้ถึงขั้นจะใช้ภาษาได้ ผมก็จินตนาการไปว่า ครูคงจะค่อยๆสอน พูดไทยคำจีนคำ อาจจะพูดไทยเยอะหน่อยเพราะนักเรียนคงจะงง

เมื่อครูเดินมา หลังจากนี้ขอเรียกว่าเหล่าซือ เหล่าซือเป็นผู้หญิง จำชื่อไม่ได้ด้วย 55555 เดินมาปั้บ ก็แจกหนังสือทันที

จากนั้นการเรียนวันแรกก็เริ่มขึ้น

เหล่าซือพูดจีนซะเต็มเหนี่ยวเลย ผมก็งงรับประทานไป เพราะไม่รู้เรื่อง แต่พอหลังๆ เหล่าซือก็เริ่มพูดไทยบ้าง อธิบายบ้าง วันแรกในบทเรียนภาษาจีนชั้นพื้นฐานที่สมาคมจงหัว สอนบทสนทนาทักทาย แนะนำตัว ก็หนีห่าวกันไป เหล่าซือให้ไปคุยกับคนข้างๆก็เขินๆกันไป วันแรกนี่เนอะทำไงได้ ยังหนักปากอยู่ แล้วแต่ละคำก็ออกเสียงยากนิดนึง ก็ต้องปรับตัวกันหน่อย

แล้วที่สังเกตุคือ ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานคนจีนและมีชื่อจีน ในห้องที่ผมเรียนมีชื่อจีนกันเกือบทุกคน มีผมกับคนอื่น 2-3 คนที่ไม่มีชื่อจีน บางคนก็พูดจีนได้อีก(แล้วมาเรียนห้องนี้ทำไมกัน) แต่พอถามไปพี่เขาเลยบอกว่า พูดฟังได้ แต่อ่านเขียนไม่ได้เลย เลยต้องมาเรียนห้องพื้นฐาน

การเรียนการสอนที่นี่ต่างจากที่อื่น อันนี้ผมไม่ได้เห็นด้วยตัวเองนะ แต่เคยอ่านมา คือที่นี่ไม่สอนพินอิน หลายคนที่เริ่มเรียนจีนมักจะเริ่มจากพินอินที่เป็นตัวอ่านภาษาจีนในอักษรอังกฤษ แต่ที่นี่สอนจู้อิน หรือ เปอเพอเมอเฟอซึ่งเป็นตัวอ่านแบบเดิม สาเหตุนั่นก็คือ เพราะพินอินเป็นการออกแบบตัวอ่านของจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งที่นี่ไม่ใช้ แต่ที่นี่ใช้จู้อินซึ่งเป็นตัวอักษรจีนนี่แหละ แต่ในตำราก็มีเขียนเป็นพินอินนะ ส่วนตัวยอมรับว่า ตานี่มองแต่ตัวพินอิน คือพินอินมันง่ายไง ในแง่ของการอ่าน เพราะมันเป็นอักษรอังกฤษที่เราคุ้นชิน แต่ก็พยายามที่จะหัดอ่านตัวจู้อินเหมือนกัน ซึ่งในชั้นเรียนก็สอนเขียนตัวจู้อินเช่นกัน

นอกจากประโยคสนทนาแนะนำตัวง่ายๆแล้ว ก็มีอีกบทสนทนาที่สอนคือ คุณมาจากไหน คุณเป็นคนที่ไหน หรือ "หนี่ ซื่อ หนา หลี่ เหริน?" แล้วก็เรียนรู้คำศัพท์เพิ่มเติมอย่างชื่อประเทศ จีนเรียกจงกั๋ว ไต้หวันเรียกไถวานแบบนี้ แต่ที่ยังมึนและหลงๆอยู่คือ การแบ่งวรรณยุกต์ของภาษาจีน ซึ่งภาษาจีนนี่ก็มีวรรณยุกต์เหมือนภาษาไทยเหมือนกัน แต่จีนมี 4 เสียง ไทยมี 5 เสียง เยอะกว่า 5555 ที่หลงคือการผันวรรณยุกต์ของจีนมันไม่เหมือนของไทย แล้วพอผันทีไรมันจะผันเป็นแบบภาษาไทยทุกที ซึ่งการผันวรรณยุกต์นั้นมีผลต่อการอ่านตัวจู้อินมาก อันนี้คงต้องใช้เวลา อย่างว่าเพิ่งเรียนแค่วันแรก จะให้มันเก่งอะไรเร็วขนาดนั้น ให้เวลาตัวเองหน่อยสิเนอะ

การเรียนที่นี่จะใช้เวลาเรียน 3 ชั่วโมงสำหรับคอร์สเสาร์-อาทิตย์ ผมเลือกเรียนคอร์สวันเสาร์ภาคบ่าย เริ่มเรียนบ่ายโมง เลิกเรียนสี่โมงเย็น ทุกชั่วโมงมีพักสิบห้านาที โดยพอถึงเวลาพักจะมีเสียงเพลงซึ่งดังแบบตกใจมากคอยบอก โดยบอกเมื่อถึงเวลาพัก แล้วบอกอีกทีเมื่อหมดเวลาพัก

โดยรวมเรียนวันแรกค่อนข้างดี อาจารย์ให้มาม่าไต้หวันด้วยยยยย ตอนแรกไอ้เราก็นึกว่าพิเศษเฉพาะห้องเรา ที่ไหนได้ พอเรียนเสร็จออกมา เจอทุกคนถือถ้วยมาม่าไต้หวันออกมาหมดเลย 55555

หวังว่าไต้หวันจะทำให้ตัวเองจะมีไฟในการเรียน และเก่งภาษานี้ในอนาคต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น