วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562

"เกาะอูบิน"ใครว่าสิงคโปร์ไม่มีชนบท



ผมไปสิงคโปร์มา 5 ครั้งแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปเที่ยวกับป๊าเมื่อปี 2011 เหมือนจะรู้อะไรเยอะเกี่ยวกับประเทศนี้นะ แต่ก็ไม่กล้าเคลมตัวเองว่าเป็นผู้รู้อะไรกะเขาหรอกครับ เอาว่าเป็นแค่คนที่ไปแถวนั้นบ่อยก็พอ เท่าที่ผมเห็นคนไทยส่วนใหญ่ที่ไปสิงคโปร์ก็มักจะชอบไปแถวๆเซ็นโตซ่า คลากคีย์ ไชน่าทาวน์ มารีน่าเบย์ ก็วนกันอยู่แถวๆนี้แหละ

แต่ผมสังเกตในแผนที่ประเทศสิงคโปร์ก็เห็นว่า ประเทศนี้มันไม่ได้มีแค่เกาะสิงคโปร์นี่ มันยังมีเกาะอื่นๆอีก แล้วเกาะอูบินก็เป็นหนึ่งในเกาะที่ผมหมายตาไว้ว่าจะต้องไปเยือนให้ได้


จากรูปนี้จะเห็นเกาะอูบินอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะสิงคโปร์ ระหว่างประเทศสิงคโปร์และประเทศมาเลเซีย

ขอบอกตรงนี้ก่อนนะครับว่าเกาะอูบินนี้ ผมเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นตอนไปสิงคโปร์ครั้งที่ 3 ตอนนั้นจำได้ว่าหากระทู้พันทิปรีวิวเกาะนี้มีแค่กระทู้เดียว เจอแค่นี้จริงๆ แสดงว่าคนไปกันน้อยมากกกกก แต่ตอนนี้กระทู้รีวิวเกาะนี้ในพันทิปมีมากขึ้น แม้กระทั่งที่ผมไปรอบนี้ก็เจอคนไทยด้วย แต่ไม่เยอะมากถ้าเทียบกับที่เซ็นโตซ่า หรือที่เมอร์ไลอ้อน แต่มาครั้งนี้ตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนจองตั๋วเลยว่าจะมาเพื่อถ่ายรูปทำรีวิวเขียนบล็อค การมารอบนี้จึงไม่ได้มาเพื่อเที่ยวเฉยๆเหมือนครั้งแรก

ว่าแล้วก็เริ่มกันเลย



เราเริ่มต้นจากที่นี่ครับ ป้ายรถเมล์ Lavender Station Exit B เนื่องจากที่พักของผมอยู่แถวนี้ โดยจุดหมายแรกของเราคือ ต้องนั่งรถเมล์ไปที่ Changi Point ซึ่งไม่มีรถไฟฟ้าผ่าน ต้องนั่งรถเมล์สาย 2 ไป


บรรยากาศคนรอรถเมล์


รอไปได้ซักพักรถเมล์สาย 2 ก็มา




ระหว่างทางบนรถเมล์ นอกจากจะเห็นตึกแถวและคอนโดเยอะๆแล้ว สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีต้นไม้เยอะมากๆ ที่ว่างๆเป็นต้องปลูกต้นไม้กันหมด

จากจุดเริ่มต้นย่านลาเวนเดอร์ นั่งรถเมล์สายสองไป การนั่งรถเมล์รอบนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะหลงทาง ลงไม่ถูกป้าย เพราะเราจะนั่งรถสายสองจนสุดสาย


นี่ครับสุดสาย ป้าย Changi Village Terminal



บริเวณโดยรอบป้ายรถเมล์ เป็นอาคารชั้นเดียวมีร้านค้าและมีฟู้ดคอร์ทหรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า hawker center


เดินมาซักพักก็เจอป้ายบอกทางไปท่าเรือ



อาคารท่าเรือ Changi Point Ferry Terminal ท่าเรือนี้มีปลายทางอยู่สองที่ ที่หนึ่งคือไปเกาะอูบิน อีกที่ไปที่เปิงเงอรัง รัฐโจโฮร์ ประเทศมาเลเซีย ดังนั้นที่นี่จึงถือเป็นท่าเรือนานาชาติไปโดยปริยาย

ด้านในอาคารผมไม่ได้ถ่ายมานะครับ เพราะตอนมาครั้งแรกผมไม่รู้เรื่องหยิบไอแพดมาถ่าย โดนเจ้าหน้าที่เตือนเลย 5555


รออยู่ในอาคารได้ไม่นานก็มีคนขับเรือมานับจำนวนคน แล้วก็ออกมารอลงเรือด้านนอกอาคารครับ ที่นี่เขาเคร่งเรื่องจำนวนคนมาก ตัวเรือระบุไว้ว่ารับผู้โดยสารได้ 12 คน ก็คือ 12 คน ไม่มีมาลักไก่ยัดคนเข้าไปเยอะๆ พอเข้าไปแล้วก็จ่ายค่าเรือ 3 ดอลล่าร์ก็เริ่มเดินทางได้



ภายในตัวเรือ อารมณ์เหมือนนั่งเรือชาวบ้านข้ามไปเกาะเล็กๆในต่างจังหวัด อารมณ์เรือติดแอร์ หรือเรือสวยๆสะดวกๆไม่มีให้เห็น


นั่งเรือไปได้ซักพักก็มาถึงที่เกาะอูบิน

หลังจากนี้ ขอให้ผู้อ่านลืมภาพของสิงคโปร์เมืองแห่งความเจริญ เมืองแห่งความเป็นระเบียบ แสงสี เมอร์ไลอ้อน ยูนิเวอร์เซล ลืมไปให้หมด เพราะที่นี่แตกต่างจากเกาะสิงคโปร์อย่างสิ้นเชิง อารมณ์เหมือนไปต่างจังหวัดของมาเลเซีย หรือของบ้านเราก็ได้



 ถ้าไม่มีธงสิงคโปร์ นึกว่าอยู่แถวบ้านเรานะเอาจริงๆ


ป้ายต้อนรับสู่เกาะอูบิน ปูเลา (Pulau) เป็นภาษามลายู แปลว่าเกาะ


มองออกไปด้านนอกมีเรือกำลังจะเทียบท่า เรือแบบนี้แหละครับที่วิ่งรับส่งคนระหว่างเกาะสิงคโปร์กับเกาะอูบิน


หาดบนเกาะอูบิน สภาพไม่น่าเล่นน้ำเลย 55555


จากป้ายต้อนรับสู่เกาะอูบินจะเจอนี่ก่อนครับ เป็นอาคารศูนย์บริการนักท่องเที่ยว



เมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆจะเจอร้านให้เช่าจักรยาน และร้านอาหาร กิจกรรมที่นี่มีให้เลือกหลายอย่างครับ หลักๆก็เช่าจักรยานปั่นรอบเกาะ ซึ่งที่นี่มีเส้นทางจักรยานให้ปั่นท้าทายกำลังดี นอกนั้นก็มีกิจกรรมอื่นเช่นแคมป์ปิ้ง เดินป่า ส่องนก และทัวร์หมู่บ้านคนท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายูครับ



ส่วนกิจกรรมที่ผมทำ ทำอยู่กิจกรรมเดียว คือปั่นจักรยานไปที่ Chek Jawa Wetlands ซึ่งห่างจากท่าเรือประมาณ 5 กิโลเมตร แค่กิจกรรมเดียวก็แทบรากเลือดแล้ว 5555555


หลังจากได้จักรยานมาปั่นก็เริ่มออกเดินทางได้เลยครับ




เส้นทางจักรยานบนเกาะนั้น แรกๆจะเป็นทางคอนกรีตปั่นสบายครับ ชิลๆ ปั่นรับลม ทางนี่ราบเรียบตลอดทาง


ทางยังดีอยู่ รอบข้างนี่ต้นไม้ร่มเลย ดูเผินๆนี่ไม่นึกว่าอยู่สิงคโปร์จริงๆนะ


ปั่นๆไปเจอเจ้าถิ่น 555555 โปรดสังเกตว่าทางเริ่มคุณภาพแย่ลง


ระหว่างทางจะมีศาลาให้พักเป็นระยะๆครับ


ปั่นๆไปผ่านบ้านของคนท้องถิ่น ช่วงไปนี้เพิ่งพ้นวันชาติสิงคโปร์แค่สองวัน บ้านแทบทุกหลังจะเอาธงชาติสิงคโปร์มาติดไว้แสดงถึงการเฉลิมฉลองวันชาติ บ้านเหล่านี้ตอนขากลับผมได้ยินชาวบ้านเขาเปิดเพลงดางดุด (Dangdut) ด้วย อารมณ์คล้ายๆเพลงสามช่าบ้านเรา มันกันยกใหญ่



ระหว่างปั่นๆไป เจอเจ้าถิ่นอีกพวกเป็นลิงครับ ออกมาเดินเล่นในศาลา แต่มันไม่ได้ทำอะไรคนนะ หรือว่าเพราะผมไม่มีอาหารก็ไม่รู้ ลิงเลยไม่มายุ่งเลย 555555 บางตัวก็มาหาคู่ผสมพันธุ์โชว์ให้ดูก็มี 5555

หลังจากนี้ผมแทบไม่ได้ถ่ายรูปเลยครับ สาเหตุเพราะเหนื่อยจัด คือทางหลังจากนี้จะเป็นทางดินที่มีการเอากรวดไปเทไว้ แถมเส้นทางยังเป็นเนินขึ้นๆลงๆตลอดเวลา คือเหนื่อยมาก ใช้กำลังขามาก ไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปเลย 

แต่ในที่สุดเราก็ถึงจุดหมายปลายทางของเรา



ถึงแล้วครับ Chek Jawa Wetlands เมื่อถึงแล้วก็เอาจักรยานจอดไว้

หลายคนคงจะไม่ทราบว่าไอ้เจ้า Chek Jawa Wetlands นี่คืออะไร คือที่ดินเปียกหรือเปล่า จะแปลตรงๆแบบนั้นมันก็ไม่เชิงนะครับ จากเว็บไซต์การท่องเที่ยวของสิงคโปร์เขาบอกว่า Chek Jawa Wetlands คือพื้นที่ชุ่มน้ำขนาด 100 เฮกตาร์ ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ต่างๆมากมาย เป็นสถานที่ที่ทางการสิงคโปร์ได้อนุรักษ์เอาไว้ และตรงนี้ทางรัฐบาลสิงคโปร์ก็ได้สร้างทางเดินริมทะเลให้ประชาชนทั่วไปได้ไปเดินเล่นได้อีกด้วย


จอดจักรยานแล้วเดินเข้าประตูนี้เลย


เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอสองทางแยก แยกหนึ่งไปตรง Chek Jawa ที่เป็นอาคารเก่า อีกแยกหนึ่งไปที่ Mangrove Broadwalk ของผมเดินไปตามทางด้านขวาครับ


เข้ามามีจุดพัก และที่สำคัญมีเครื่องดื่มเย็นๆขาย เหมาะมากกับการปั่นจักรยานขึ้นเนินลงเนินมาเหนื่อยๆ



เดินเข้ามาจะเจอบ้านเก่าหลังนี้ครับ เราจะเดินทะลุบ้านหลังนี้กัน


ทางเข้าไปในบ้าน



พอเดินทะลุบ้านก็จะมาเจอกับตรงนี้ครับ เป็นทางเดินยื่นออกไปในทะเล


หันกลับมาที่ตัวบ้าน


กลับมาที่ตัวบ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่า ทางการได้อนุรักษ์บ้านหลังนี้เอาไว้ ภายในผมไม่ได้ถ่ายมา แต่เท่าที่จำได้จะเป็นการแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับนก

หลังจากเดินมาทางนี้เสร็จก็เดินออกไปอีกทาง คราวนี้ไปที่ Mangrove Broadwalk ทางเดินริมทะเลยาว 1.1 กิโลเมตร


เดินเข้ามาจะเจอกับป้ายนี้ก่อน



ทางเดินสวยนะ แต่อากาศนี่ร้อนอบอ้าวมากมาย ตอนนี้ผมนี่เริ่มเหงื่อไหลไคลย้อยแล้ว


พอเดินมากลางทางจะมีศาลาให้นั่งพักแบบนี้ ตอนนี้บรรดาป้าๆชาวสิงคโปร์เรี่ยนกำลังนั่งสนทนากันใหญ่

พอเดินเหนื่อยๆได้สักพักก็เดินกลับมายังจุดจอดจักรยานเพื่อเตรียมปั่นกลับ ขณะนั้นเองก็ได้เจอเจ้าถิ่นประจำเกาะอูบินเข้า




นั่นคือเจ้าหมูป่านั่นเอง!!! ตอนที่มารอบที่แล้วผมเจอมันระหว่างทาง รอบนี้ขณะปั่นมาไม่เจอหมูป่าเลย ก็ยังคิดอยู่ว่า สงสัยจะไม่เจอแล้วมั้ง ปรากฎว่าเหมือนมันรู้ว่ามันต้องมาโชว์ตัว 5555 มันเดินมาดมเหมือนมาหาอาหาร แล้วก็ทำจักรยานล้มไปคันนึงด้วย

พอดูหมูป่าเสร็จก็คิดว่าสมควรแก่เวลา ก็ปั่นจักรยานกลับ ที่นี่เขาไม่ให้ปั่นกลับย้อนทางเดิมนะครับ เส้นทางที่ปั่นก็ไม่ต่างจากตอนขามา คือทางเป็นหินกรวดเป็นทางดิน มีเนิน(อีกแล้ว) 

แต่พอปั่นมากลางทางก็จะเจอกับบึงครับ


บึงอะไรก็ไม่รู้ 55555



นี่ครับสภาพทาง ร้อนก็ร้อนทางก็แบบนี้ เจอเนินอีก

จากนั้นก็ปั่นมาเรื่อยๆครับ รูปไม่ได้ถ่ายเหมือนเดิม เหนื่อย 5555 มีหลงทางด้วย แล้วทางที่หลงเป็นทางเดียวกับที่เคยหลงตอนมาครั้งที่แล้วอีก ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยแท้ๆ

แล้วสุดท้ายก็มาถึงร้านเช่าจักรยานครับ แล้วก็คืนจักรยานเรียบร้อยจากนั้นก็ลงเรือกลับเกาะสิงคโปร์



ต่อแถวลงเรือกัน

แต่พอถึงท่าเรือชางงี สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าวันที่ผมไปนี่มันเป็นวันอะไร คนเยอะเหลือเกิน คนต่อแถวรอลงเรือยาวมากกกกกกก




แถวยาวเป็นสิบเมตรเลย นี่ถ้าผมมาช้ากว่านี้หน่อย ผมว่าคงอาจจะไม่ได้ไป เพราะรอคิวยาวจัด 

สำหรับทริปเกาะอูบินรอบนี้ ถือว่าตัวเองประเมินเวลาผิดไปมากจากที่คาด ตอนแรกคิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ด้วยเพราะไม่ได้มานานพอควร ความจำอะไรต่างๆก็ลืมเลือนไป ปรากฎว่าใช้เวลาอยู่ที่นี่ถึงครึ่งวัน นี่ขนาดไปแค่ที่เดียวนะครับ ที่นี่เหมาะกับคนที่มาสิงคโปร์บ่อยแล้ว อยากไปเที่ยวที่อื่นที่ไม่ซ้ำชาวบ้าน อยากเปลี่ยนบรรยากาศแบบเมืองๆ ที่นี่ตอบโจทย์จริงๆครับ ถ้ามีเวลาเหลือน่าจะลองเจียดเวลามาที่นี่ดู แต่ถ้าจะเช่ารถจักรยานเด็กเล็กและคนแก่ไม่แนะนำครับ เหนื่อยจริงๆ แต่สามารถเที่ยวโดยใช้รถตู้รับส่งที่มีอยู่บนเกาะได้ครับ

ไว้เจอกันในบล็อกหน้านะครับ บ้ายบายยยยยย.....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น