ช่วงที่ผ่านมาไต้หวันมีพายุไต้ฝุ่นฉวัดเฉวียนพัดผ่านไปผ่านมาตลอด ผลที่ตามมาคือมีฝนตกทั่วทั้งเกาะไต้หวัน การที่มีฝนนั้นแม้จะมีข้อเสียคือทำให้ใช้ชีวิตลำบาก เดินทางไม่สะดวก พื้นเฉอะแฉะ เสื้อผ้าไม่แห้ง และอื่นๆ แต่สำหรับที่นี่ การที่มีฝนนั้นหมายถึงว่าไต้หวันจะมีน้ำกักเก็บไว้ใช้เพื่ออุปโภคบริโภค ทำการเกษตร และผลิตกระแสไฟฟ้า
สำหรับการกักเก็บน้ำนั้น แน่นอนว่าเขื่อนคือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการบริหารจัดการน้ำ ในเกาะไต้หวันก็มีเขื่อนหลายแห่ง แต่หนึ่งในเขื่อนที่สำคัญของไต้หวันก็คือ
เขื่อนสือเหมิน...นี่เอง
เขื่อนสือเหมิน หรือภาษาจีน
石門水庫 สือเหมินสุ่ยคู่ สือเหมินแปลตรงตัวก็แปลว่า"ประตูหิน"เรามาดูประวัติคร่าวๆกัน เขื่อนนี้ตั้งอยู่ในเขตนครเถาหยวน ห่างจากกรุงไทเปประมาณ 50 กิโลเมตร เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 1955 แล้วเสร็จปี 1964 ก่อสร้างโดยบริษัท Morrison–Knudsen บริษัทเดียวกันกับที่ก่อสร้างเขื่อนฮูเวอร์ที่สหรัฐอเมริกา ในระหว่างการก่อสร้างใช้คนงานถึง 7,500 คน มีผู้เสียชีวิต 24 คน บาดเจ็บ 2,881 คน พิการ 87 คน ขอแสดงความเสียใจต่อผู้ที่เสียชีวิตจากการก่อสร้างเขื่อน ณ ที่นี้
(รูปบน) เขื่อนสือเหมินเมื่อก่อนเริ่มการก่อสร้าง จากรูปจะเห็นสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาหินมีลักษณะเหมือนเป็นประตู จึงเป็นที่มาของชื่อเขื่อน
เขื่อนนี้มีความสำคัญในการกักเก็บน้ำโดยน้ำจากอ่างเก็บน้ำของเขื่อนแห่งนี้หล่อเลี้ยงประชาชนในนครเถาหยวน เทศมณฑลซินจู่ และนครนิวไทเป และผลิตไฟฟ้าหล่อเลี้ยงภาคเหนือของไต้หวันทั้งหมด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้นกับกรุงไทเปอีกด้วย
สำหรับการเดินทางมาที่เขื่อนนี้ ถ้าเอาสถานีรถไฟไทเป หรือ ไทเปเมนเป็นจุดเริ่มต้นก็ถือว่าเดินทางได้ไม่ยาก
โดยมีสองทางเลือกในการเดินทาง 1.สามารถนั่งรถไฟจากสถานีไทเป ไปลงที่สถานีจงลี่ และ 2.นั่งรถบัสจากสถานีรถไฟไทเป ไปลงที่ท่ารถจงลี่
นั่นหมายความว่า ก่อนจะถึงเขื่อนสือเหมิน จะต้องไปถึงจงลี่ก่อน
จงลี่ คือชื่อเขตที่ตั้งอยู่ในนครเถาหยวน
ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ผมเลือกที่จะนั่งรถบัส สาเหตุที่เลือกนั่งรถบัส เพราะรถบัสนั่งสบายกว่า และมีความรู้สึกว่าถ้านั่งรถบัสวิวทิวทัศน์ต่างๆมองได้น่าดูกว่าการนั่งรถไฟ
เราเริ่มต้นที่นี่ครับ สถานีรถไฟไทเป หลายคนที่มาไทเป มักจะพูดคล้ายๆกันว่าสถานีนี้กว้างมาก เดินหลงตลอด ผมยอมรับว่าก็หลงอยู่บ่อยๆครับ จำทิศผิดถูกก็บ่อย แต่เดินๆไปเถอะยังไงก็หาทางออกมาได้
เมื่อมาถึงไทเป ให้เดินมาออกทางประตู North 1 หรือจำง่ายๆ ประตูที่มีร้านแมคโดนัลด์ ตรงนั้นแหละครับ เดินออกมาเลย
เมื่อเดินออกมาปั๊บ ก็จะเจอป้ายรถของบริษัทกั๋วกวงตั้งอยู่ หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมไม่ไปขึ้นที่ท่ารถไทเป คือบัสของกั๋วกวงที่ไทเปเมนจะมีจุดขึ้นรถอยู่ 3 จุด จุดแรกคือ Taipei Bus Station อันนี้ตึกใหญ่เลยตรงหลังสถานีรถไฟเดินข้ามถนนไป ตรงนั้นเป็นรถบัสที่วิ่งระยะไกล ไปต่างเมืองเช่นไถจง ฮวาเหลียน อะไรแบบนี้ อีกจุดคือด้านข้างสถานีรถไฟ อันนี้หลายคนน่าจะคุ้นเพราะรถบัสจากสนามบินเถาหยวนและจีหลงจะมาจอดที่นี่ และป้ายนี้จะเป็นรถที่ไปทางเถาหยวน
เดินมาจะเจอรถบัสของกั๋วกวงจอดรอเราอยู่ สำหรับรถที่จะไปจงลี่ นั่ง
รถสาย 1818 ได้เลย
นี่ครับรถสาย 1818
ภายในรถบัส ก็ไม่ต่างจากรถบัสบ้านเราเท่าไหร่ ทุกเบาะมีรู USB สำหรับเสียบชาร์จโทรศัพท์ สำหรับรถบัสนี้สามารถใช้บัตร Easycard , iCash จ่ายได้ หรืออย่างผมซึ่งเป็นนักเรียนก็ใช้บัตรนักเรียนจ่าย 55555 ไม่รู้ว่าลดไปกี่บาท ค่ารถจากไทเปไปจงลี่ สนนราคาที่ 81 ดอลล่าร์ไต้หวัน
สำหรับคนที่พะวงเรื่องขึ้นรถลงรถ ว่าจะขึ้นรถผิดมั้ย จะลงถูกป้ายมั้ย จะรู้ได้ไงว่าคันไหนเป็นคันไหน ถ้าอยู่ที่ป้ายรถที่นี่แล้วให้เดินไปที่ป้าย 1818 ไทเป-จงลี่ ซึ่งจะติดด้านบน เขียนทั้งสองภาษาเลยทั้งจีนและอังกฤษ ตัวรถก็เขียนสองภาษา ส่วนกลัวจะลงผิดป้ายอันนี้ไม่ต้องกลัว นั่งรถไปจนสุดสายเลย รถจะจอดที่ท่ารถของกั๋วกวงที่จงลี่ ย้ำว่า บัตรอีซี่การ์ดต้องแตะบัตรทั้งขึ้นรถและลงรถนะ
รถจะพามาจอดที่นี่ ท่ารถจงลี่ของบริษัทกั๋วกวง เมื่อมาถึงจงลี่แล้ว จะมีรถเมล์จากที่จงลี่ไปลงที่เขื่อนสือเหมิน โดยสามารถนั่งรถเมล์สาย 503 ขึ้นที่ป้ายท่ารถของเถาหยวนเค่อยุ่น สาย 5050 และ 5055 ขึ้นที่ป้ายรถเมล์หลังสถานีรถไฟจงลี่
ของผมเลือกที่จะขึ้นรถที่ป้ายหลังสถานีรถไฟ
มีเรื่องที่จะสารภาพ ก่อนหน้านี้ผมตั้งใจจะมาที่นี่ครั้งนึงแล้ว แต่มาถึงได้แค่จงลี่ เจอฝนตก ความสนุกหายไป ความลำบากมาแทนที่ เลยไปไม่ถึงเขื่อน นั่งรถบัสกลับทันที
ข้างๆท่ารถกั๋วกวง ถ้าเดินออกจากท่ารถแล้วเดินมาทางข้างๆ จะเจอกับตึกนี้ ตึกนี้คือท่ารถของเถาหยวนเค่อยุ่น สามารถนั่งรถเมล์สาย 503 จากที่นี่ไปลงที่เขื่อนสือเหมินได้
เมื่อเดินออกมาจากท่ารถกั๋วกวงบัส เราจะเดินไปที่ป้ายรถเมล์หลังสถานีรถไฟกัน เมื่อเดินออกมาให้หันหลังให้กับตึกท่ารถแล้วเดินตามทางนี้ตรงมาอย่างเดียว
เดินมาก็เจอตึกท่ารถของซินจู่เค่อยุ่น เค่อยุ่นภาษาจีนแปลว่ารถบัส ถ้าเดินตามทาง แล้วหันมาทางซ้ายเจออาคารนี้ถือว่าเดินมาถูกทาง
เดินมาเรื่อยๆจะเจอทางลอดใต้ทางรถไฟแบบนี้อยู่ทางขวามือ เดินลงไปเลยครับ
ด้านในทางลอด มีโฮมเลสปักหลักอยู่ประปราย เมื่อเดินมาสุดทางจะมีสองทาง ซ้ายกับขวา ถ้าเลี้ยวซ้ายคือไปสถานีรถไฟ ส่วนไปป้ายรถเมล์ให้เลี้ยวขวา
ออกมาแล้วให้เดินต่อมาอีกนิดเดียว จะเจอป้ายรถเมล์ป้ายนี้
เรามาดูเส้นทางกันหน่อย สิ่งที่ปวดหัวนิดนึงเวลาดูข้อมูลสายรถเมล์ในไต้หวันคือ ภาษาอังกฤษไม่ค่อยมีเลย น้อยมากกกก สำหรับสองสายนี้ไม่ต้องแคร์มาก คือที่ป้ายนี้คือต้นสาย ส่วนที่ที่เราจะไปคือสุดสาย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะลงผิด
ด้วยความที่สายนี้เป็นสายค่อนข้างยาว ดังนั้น รถจะไม่ได้มีให้ขึ้นตลอดเวลา โดยรถที่จะออกจากจงลี่ไปสือเหมิน จะมาตามเวลาดังนี้
สาย 5050 - 6.40/9.10/17.25/18.12/19.45/20.30
สาย 5055 - 8.05/10.15/13.37/15.47/17.10 ทั้งสองสายบวกลบประมาณ 10-15 นาที ขึ้นกับสภาพการจราจร
เดินมาก็จะเจอกับสองป้ายนี้ 5055 และ 5050 ไปสือเหมินสุ่ยคู่ ด้วยความที่มาถึงจงลี่เร็วไปหน่อย เดินมาถึงป้ายตอนเที่ยงกว่าๆ เหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ตอนแรกคิดไว้ว่าจะไปเดินเล่นในเมืองรอ แต่ใจนึงก็คิดว่า ถ้าเกิดมันเซอร์ไพรส์มาก่อนเวลาล่ะ รออีกคันนึงนี่นานเลยนะ เลยยอมนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ รอไปชั่วโมงกว่า รถเมล์มาเกินจากเวลาที่ระบุในป้ายประมาณ 5 นาทีได้
ภายในรถเมล์ รถเมล์ของไต้หวันก็ไม่ต่างกันมาก แต่ที่พิเศษกว่าคือ จะมีเสียงบอกว่าป้ายต่อไปชื่ออะไร ถ้าได้ยินเสียง แล้วเป็นป้ายที่เราจะลง ก็กดกริ่งรอลงรถได้เลย ซึ่งเสียงประกาศมีทั้งภาษาจีนกลาง อังกฤษ ภาษาไต้หวัน และภาษาฮากกา ค่ารถเมล์จากจงลี่มาที่นี่ตกอยู่ที่ 45 ดอลลาร์ไต้หวัน
นี่ครับ ป้ายที่เราลง 石門車站 สือเหมินเชอจ้าน ความจริงป้ายนี้มันคือป้ายสุดท้าย ก่อนที่รถจะวิ่งกลับไปที่จงลี่ ผมแนะนำว่าดีกว่านี้คือ พอนั่งรถมา รถจะผ่านด่านเก็บเงินเข้าเขื่อน ซึ่งท่านไม่ต้องจ่าย พ้นด่านเก็บเงินก็กดกริ่งลงได้เลย จะได้ถือโอกาสเดินป่าชมต้นไม้ใบหญ้าไปด้วยได้ แล้วเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงป้ายนี้ ไม่ต้องเดินย้อนไปย้อนมาแบบผม
นี้คือป้ายรถเมล์ที่ผมลงรถครับ ขากลับไปจงลี่ สามารถขึ้นรถรอที่ป้ายนี้ได้เลย
เดินจากป้ายรถเมล์มานิดเดียว เจอรูปปั้นขนาดมหึมาของเจียงไคเช็กมารอต้อนรับเลย ส่วนตึกข้างๆที่เห็นนั้นคืออาคารบริการนักท่องเที่ยว
ขอเดินขึ้นไปดูรูปปั้นใกล้ๆ พอเดินมาถึงแล้วก็คิดว่า"นี่กูเดินขึ้นมาทำไม" เหนื่อยก็เหนื่อย ร้อนก็ร้อน ส่วนเจียงไคเช็กเป็นใคร คิดว่าหลายคนก็คงรู้แล้ว คร่าวๆเขาก็คืออดีตผู้นำสาธารณรัฐจีนที่แพ้ท่านประธานเหมาในสงครามกลางเมือง เลยอพยบพาคนจีน ทหารจีนก๊กมินตั๋ง และทรัพย์สินมีค่าต่างๆมากมายมาเกาะไต้หวัน และตั้งรัฐบาลผลัดถิ่นที่นี่ตั้งแต่ปี 1949 จนถึงปัจจุบัน ไต้หวันก็ยังเป็นสาธารณรัฐจีน ปกครองตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับจีนแผ่นดินใหญ่
รูปที่ถ่ายจากบนรูปปั้นเจียงไคเช็กจะเห็นสันเขื่อน ไม่แน่ใจว่าเรียกถูกมั้ย ส่วนซ้ายมือคืออ่างเก็บน้ำของเขื่อน
คือภาพในหัวของผมเนี่ยตรงนี้มันจะต้องมีน้ำออกมาใช่มั้ย แต่ตอนที่ผมมาเนี่ยไม่มีน้ำออกมาเลย แห้งสนิท
ระหว่างเดินข้ามสันเขื่อนไปอีกฝั่งหนึ่ง อันนี้น่าจะเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้านะ เพราะเห็นเสาไฟฟ้าแรงสูงหลายต้นมาก
อีกฝั่งหนึ่งของสันเขื่อน เป็นอ่านเก็บน้ำของเขื่อนสือเหมิน บริเวณอ่างเก็บน้ำมีบริการล่องเรือเที่ยวด้วย แต่พอดีผมงก ไม่อยากจ่ายมาก เลยไม่ได้ใช้บริการ
เมื่อเดินสุดสันเขื่อนแล้วมองย้อนกลับไป
เมื่อเดินมาก็จะเจอกับเขา 嵩台 เพิ่งรู้ว่าอ่านว่า ซงไถ เพราะตอนนั้นอ่านตัวซงไม่ออก อ่านออกแต่ตัวไถ จากการหาในกูเกิ้ล ถ้าเดินขึ้นเขานี้จะสามารถถ่ายรูปทิวทัศน์ที่เขื่อนได้สวยงามมาก
นี่คือรูปที่ถ่ายจากบนเขาซงไถ แดดนี่แรงใช้ได้เลย ตอนนั้นประมาณบ่ายสาม
มาเรามาเดินไปกันต่อ เจอสะพานนี้อีกหนึ่งสะพาน ตอนที่ผมเดินเตร่ที่นี่ มีคนเป่าแซ็กโซโฟนขบกล่อมบรรดาอากงอาม่าที่มาเที่ยวด้วย เดินตลอดทางนี่ได้ยินเสียงแซ็กโซโฟนมาตลอดทางเลย
ระหว่างเดินตรงฟุตบาทก็มาเจอข้อความนี้เข้า อันนี้เป็นเส้นแบ่งเขต หรือถ้าเทียบกับบ้านเราก็คืออำเภอ ระหว่าง 龍潭區 เขตหลงถาน และ 大溪區 เขตต้าชี ทั้งสองเขตอยู่ในนครเถาหยวน
แชะรูปอีกซักรูป เท่าที่อ่าน ตรงนี้คือ After Bay คือน้ำจากอ่างเก็บน้ำถ้าปล่อยมามันก็จะมาลงตรงนี้ น่าจะพูดถูกมั้งเนอะ
อันนี้คือแผนที่ของเขื่อนสือเหมิน จะเห็นว่าบริเวณนี้มีเส้นทางเดินป่าด้วย
พอข้ามสะพานมาแล้ว เหมือนจะรู้ว่าคนที่เดินผ่านสันเขื่อน แล้วมาข้ามสะพานต่อในช่วงบ่ายแก่ๆ ที่มีอากาศร้อนอบอ้าว จะต้องหิวน้ำ อยากกินอะไรเย็นๆ พอเดินข้ามมาได้ปั๊บก็เจอร้านขายน้ำเลย ตรงนี้มีหลายคนมาเป็นครอบครัว ตอนนี้เวลาก็ปาไปเกือบสี่โมงเย็นแล้ว แดดเริ่มลดลงไปมาก มีคุณลุงมาเป่าแซ็ก เพลงต้องสู้ถึงจะชนะให้ฟัง (ได้ยินว่าเพลงนี้เอามาจากเพลงจีนอีกทีใช่มั้ยถ้าจำไม่ผิด)
พอข้ามฝั่งมา บรรยากาศคนละเรื่องเลย ต้นไม้นี่ครึ้มมาก ข้างหน้าที่เห็นคือหอนาฬิกา แล้วก็เป็นป้ายบอกว่าเป็นจุดชมวิวของเขื่อน
ต้นไม้ครึ้มมาก เดินๆไปก็เจออากงอาม่า นั่งคุยกันอยู่บนม้านั่งข้างทาง
มีทางเดินลงไปเดินเล่นด้วย แต่ผมไม่ได้เดินลงไป เพราะตอนนั้นก็เย็นมากแล้ว กลัวว่าถ้าเอ้อระเหยแบบนี้จะหารถกลับยาก ก็เลยเดินย้อนกลับไปที่ป้ายรถเมล์ป้ายเดิมตอนที่ลงรถมา
ถึงป้ายตอนสี่โมงเย็นนิดๆ สำหรับคนที่จะรอรถเมล์เดินทางกลับจงลี่ โดยจะจอดป้ายสุดท้ายที่ป้ายหลังสถานีรถไฟจงลี่ ป้ายเดียวกันกับที่เราขึ้นรถมา แน่นอนรถเมล์ไม่ได้มีตลอดเวลา
สาย 5050 รถจะมาจอดที่สือเหมินเวลา 9.45/10.05/18.30/19.10/20.35/21.25
สาย 5055 รถจะมาจอดที่สือเหมินเวลา 6.45/8.00/9.05/14.27/16.37 บวกลบ 10-15 นาที
ถ้าจะมาเที่ยวก็เผื่อเวลาหน่อยนะครับ
ทริปนี้ของผมจริงๆ เป้าหมายไม่ใช่การมาดูเขื่อน แต่เพราะเห็นว่าเขื่อนมันอยู่ไกลดี อยากหาเรื่องมานั่งรถเล่น ดูทิวทัศน์ ดูตึกรามบ้านช่อง ก็เลยเป็นที่มาของทริปนี้
พอมาถึงจงลี่ก็ปาไปเกือบหกโมงแล้ว ก็เดินเล่นนิดหน่อย ที่เมืองนี้มีแรงงานต่างชาติพอสมควรเลย ผมได้ยินคนพูดภาษาไทย และภาษาอินโดเยอะมาก ที่นี่ห่างจากสถานีรถไฟนิดหน่อยก็มีร้านอาหารไทย มีร้านขายสินค้าของไทยด้วย
หน้าสถานีรถไฟจงลี่ ขณะนี้อาคารสถานีใหม่กำลังก่อสร้าง อยู่ข้างๆกับอาคารเดิม ดูเหมือนว่าอาคารสถานีใหม่นั้นใกล้จะเสร็จแล้ว
ส่วนขากลับก็เหมือนเดิมครับ นั่งรถบัสกลับ กว่าจะถึงห้องก็ปาไปสองทุ่มกว่า ดูภูเขาดูตึกเพลินเลย แล้วก็ทริปนี้ไม่เจอฝน เจอแดดล้วนๆ
สำหรับผม ความสวยงามของปลายทางไม่สำคัญเท่าบรรยากาศระหว่างทาง
ถ้าไม่ขี้เกียจ จะพยายามหาเรื่องมาเขียนเรื่อยๆนะครับ ที่ห่างหายไปนานเพราะความขี้เกียจล้วนๆ 55555