ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผมเองนั้นมีความผูกพันกับการนั่งรถไฟมาตั้งแต่เด็ก ป๊าพานั่งบ้าง แม่พานั่งบ้าง กระทั่งโตมาก็มีโอกาสได้นั่งรถไฟอีกหลายครั้ง กระทั่งหลังๆสายการบินต้นทุนต่ำเริ่มทำตลาด ราคาตั๋วที่พอๆกับการนั่งรถไฟ ทำให้หลายครั้งผมก็เปลี่ยนใจมานั่งเครื่องบินบ้าง เพราะความรวดเร็วของเวลา
กระทั่งเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผมได้จองตั๋วรถไฟ เพื่อจะกลับอุบลราชธานีในช่วงสงกรานต์ ที่จองรถไฟก็เพราะเครื่องบินมันแพง 5555 ด้วยความที่ผมจองช้าไป(ขนาดจองต้นเดือนมีนานะเนี่ย) ขาไปได้นั่งรถไฟชั้นหนึ่ง แต่ขากลับผมก็ได้ถือโอกาสจองรถไฟนอนตู้ใหม่ ขบวน"อีสานวัตนา"ที่เป็นที่มาของรีวิวนี้แหละครับ
รถไฟขบวนอีสานวัตนา คือหนึ่งในโบกี้รถไฟที่การรถไฟแห่งประเทศไทยซื้อใหม่จำนวน 115 คันจากจีน โดยรถไฟขบวนนี้จะวิ่งจากสถานีกรุงเทพไปสู่สถานีปลายทางที่อุบลราชธานี(ขบวน 23) และจากสถานีอุบลราชธานีวิ่งล่องกลับมายังสถานีกรุงเทพ(ขบวน 24) ซึ่งผมได้นั่งขบวน 24 จากต้นทางอุบลราชธานีและลงที่สถานีบางเขนครับ
เริ่มต้นจากที่นี่ครับ สถานีรถไฟอุบลราชธานี แม่ผมขับมอเตอร์ไซค์มาส่ง 5555 ออกจากบ้านหกโมงเย็น ถึงสถานีหกโมงครึ่ง รถไฟขบวนนี้ออกเวลาหนึ่งทุ่ม ดังนั้นมีเวลาถ่ายรูปพอควรครับ
ป้ายหน้าสถานี มาไม่ผิดแน่ๆครับ
บริเวณจุดจำหน่ายตั๋วภายในสถานีรถไฟ จะเห็นว่าที่นี่มีป้ายบอกสามภาษาคือ ไทย, อังกฤษ และลาว ขณะเดียวกันประชาสัมพันธ์ของสถานีรถไฟก็ประกาศเป็นสองภาษา ไทย-อังกฤษอีกด้วย เรียกได้ว่าสอดรับกับ AEC ขนาดหนักเลยก็ว่าได้
จากจุดจำหน่ายตั๋ว เดินตรงมาก็จะเป็นชานชาลาสถานีรถไฟอุบลราชธานีครับ ที่นี่คุ้นกับผมมาก เพราะนั่งรถไปมาจากกรุงเทพตั้งแต่เด็ก บรรยากาศของการเดินทางเป็นบรรยากาศที่ชอบสุดๆ มันมีความรู้สึกตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น อะไรรอบตัวเรามันก็ทำเราประทับใจไปหมด
ภาพชานชาลา ฝั่งซ้ายคือตัวอาคารสถานี ฝั่งขวาคือรถไฟขบวนใหม่ที่จอดรอผู้โดยสาร เพื่อเตรียมออกเดินทางห้าร้อยกว่ากิโลเมตรสู่เมืองหลวง ด้วยความที่วันที่ผมเดินทางนี้คือวันที่ 18 เมษายน 2560 เป็นวันเริ่มต้นทำงานหลังหยุดยาวเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่รอเดินทางอยู่ สังเกตได้จากการประกาศของประชาสัมพันธ์ที่บอกว่า รถขบวนนั้นเต็มแล้ว รถขบวนนี้เต็มแล้ว
ผมได้คันที่ 13 ต้องเดินมาเกือบท้ายขบวน ก็เดินมาเรื่อย
หน้าประตูทางเข้า จะมีพนักงานประจำรถ ชาย-หญิง มาคอยยืนรอหน้าประตูเป็นระยะ จากการเล่าให้ฟังของพี่ตำรวจรถไฟบอกว่า เนื่องด้วยพนักงานไม่พอ เพราะเป็นตู้ใหม่ เลยมีการจัดพนักงานไว้หนึ่งคนต่อสามตู้ หมายความว่า พนักงานที่ดูแลขบวนรถโดยเฉพาะตอนปูที่นอนนั้น เขาจะต้องทำทั้งหมดถึงสามตู้เลยทีเดียว
และแล้วก็มาถึงรถคันที่ 13 ซึ่งผมได้ที่นั่งมา จะเห็นได้ว่า ป้ายบอกขบวนไม่ใช่ไม้แล้วนะครับ เป็นจอดูอินเตอร์ขึ้นมาทันที มีบอกทั้งสองภาษาคือ ไทยและอังกฤษ
จากประตูรถ เดินขึ้นมาข้างใน ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนว่า บันไดที่ขึ้นสู่ตัวรถนั้นค่อนข้างแคบ หากขึ้นหรือลงไม่ระวังอาจเกิดอุบัติเหตุได้ เมื่อขึ้นมาแล้ว ก็จะเจอห้องคุมไฟ(มั้ง) มันจะมีแผงควบคุมไฟทางซ้ายมือ และห้องสำหรับพนักงานประจำรถทางขวามือ ซึ่งผมไม่ได้ถ่ายไว้
แต่เมื่อมาถึงจะเห็นว่า ภายในตู้โดยสาร มีความสะอาด เบาะสีแดงสดยังไม่มีรอยเปื้อนใดๆ พื้นตู้โดยสารดูสะอาด ไม่มีเศษขยะใดๆตกทิ้งไว้ เพราะมีพนักงานทำความสะอาดมาเช็คเป็นระยะ เรียกได้ว่า จะถอดรองเท้าเดินในรถไฟก็คงไม่มีปัญหาอะไรมากนัก
นี่ครับที่นั่งของผม ที่นั่งหมายเลขสอง แต่อีกสักพัก ที่นั่งตรงนี้จะกลายเป็นที่นอน ให้เรานอนยาวไปจนถึงกรุงเทพ
จากที่นั่ง เมื่อมองไปข้างหน้าก็จะเจอกับประตูที่ผมเดินผ่านเข้ามาเมื่อสักครู่ ประตูในรถไฟขบวนนี้เป็นประตูอัตโนมัติทั้งหมดครับ แต่มันไม่ใช่อัตโนมัติแบบใครผ่านใครยืนหน้าประตูประตูก็เปิด ไม่ใช่เลยยยย แต่เราต้องเอามือไปสัมผัสตรงจุดที่ให้เปิดประตูก่อน ประตูถึงจะเปิดครับ ตอนที่ผมถ่ายนี้ รถยังไม่ออกจากสถานี ทางเจ้าหน้าที่เลยเปิดทิ้งไว้ครับ
ส่วนที่เห็นอีกก็คือ กล้องวงจรปิดที่มีทุกคัน รับรองถึงความปลอดภัย ไม่นับการเดินลาดตระเวนเป็นระยะของเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟอีกนะครับ ดังนั้นเรื่องความปลอดภัยหมดห่วงไปได้เลย
แล้วก็จอแสดงสถานะภายในรถที่จะติดตั้งอยู่บริเวณประตูทั้งหน้าและหลัง รวมถึงที่กลางขบวน จอนี้จะบอกเราในข้อมูลต่างๆทั้งวัน, เวลา, ขบวนรถ, คันรถ, สถานีต้นทาง-ปลายทาง, สถานีก่อนหน้า-ถัดไป, ห้องน้ำว่างหรือไม่ และอุณหภูมิในตู้โดยสาร ซึ่งจะแสดงสลับกันสองภาษา ไทย-อังกฤษ เช่นกัน
นี่ไงครับ ประตูเมื่อปิดแล้ว จะเห็นปุ่มสีเขียวๆ คือปุ่มที่ให้เราไปสัมผัส หากเราต้องการจะเปิดประตูครับ
ขึ้นมานั่งได้สักพัก รถเข็นอาหารก็เอาอาหารมาขาย สำหรับราคาสินค้าในรถไฟจะแพงกว่าข้างนอกพอควรครับ ไม่แนะนำให้ซื้อถ้าอยากจะประหยัด น้ำขวดละ 15 บาท ข้าวกล่องละ 75 บาทโดยประมาณ เป็นข้าวกล่องเวฟแบบเซเว่นนะครับ ไม่ได้ทำสดเหมือนแต่ก่อน เพราะตู้เสบียงในรถใหม่นี้เป็นตู้ระบบปิด เสียดายไม่ได้ไปถ่ายมาให้ดู
ความฉลาดน้อยของผม ผมสั่งน้ำเปล่าบนรถไฟ 15 บาท พอจ่ายเงินเสร็จ คนขายเข็นรถไปขบวนอื่น เจ้าหน้าที่ก็เอาน้ำดื่มแจกมาตั้งเลยจ้าาาาา เสียตังค์ฟรีไป 15 บาท 55555 คิดซะว่าช่วยการรถไฟแล้วกัน
คราวนี้เรามาดูสิ่งอำนวยความสะดวกในที่นั่งของเรากันบ้างครับ
อันแรกก็คือป้ายบอกเลขที่นั่ง
โต๊ะวางของ จะกินข้าว วางแล็บท็อป ทำงานทำการก็ใช้ได้ตามสะดวก
ตอนพนักงานเอาขวดน้ำมาแจก หนึ่งขวดต่อหนึ่งคนนะครับ
กระจกใส บานใหญ่ มองเห็นชัดเจน ไม่มีตราการรถไฟมาบังเหมือนรถคันเก่าๆ ถ้าถ่ายรูปผ่านกระจกก็น่าจะโออยู่นะ
อันนี้สำคัญสุด ทุกเตียงจะมีไฟส่องสว่างส่วนตัว พร้อมปลั๊กสำหรับชาร์จไฟไว้ให้รองรับยุคสมัยที่ต้องชาร์จโทรศัพท์หรือโน้ตบุ๊คตลอดเวลา แต่ใครที่ได้เตียงบน ก็ต้องรอให้พนักงานมากางที่นอนก่อนถึงจะมีครับ ดังนั้นสองที่นั่งจะมีที่ชาร์จไฟแค่อันเดียว
คราวนี้มาดูที่ห้องน้ำกันครับ
ในหนึ่งคันจะมีห้องน้ำสองห้อง และมีห้องปัสสาวะชายอีกหนึ่งห้อง ในรูปนี้ห้องด้านในลึกลงไปคือห้องปัสสาวะชาย ด้านหน้าคือห้องน้ำ ส่วนห้องน้ำอีกห้องอยู่ด้านหลังผมครับ
ห้องน้ำในตู้นี้ค่อนข้างแคบครับ แต่ก็มีสิ่งใช้สอยครบครันทั้งอ่างล้างมือ สายฉีด และทิชชู่ สำหรับรถไฟตู้ใหม่นี้ห้องน้ำให้อารมณ์ประมาณห้องน้ำเครื่องบินเลย โดยห้องน้ำนี้เป็นระบบปิดครับ
และส่วนสุดท้ายในโซนนี้คืออ่างล้างหน้า ผมค่อนข้างประทับใจเลยทีเดียว เพราะโทนสีขาวของตัวอ่าง บวกกับไฟที่ส่องสว่างตลอดเวลา ทำให้อ่างล้างหน้าดูกว้าง ดูสะอาด กระจกก็ใส แล้วใต้อ่างก็มีถังขยะ ไม่ได้แยกใส่ถุงดำด้านนอกเหมือนรถเก่า ทำให้บริเวณนี้ดูค่อนข้างสะอาดตาอย่างมาก
แล้วก็ถึงเวลาปูที่นอน พนักงานประจำรถจะมาพร้อมกับเปลี่ยนจากที่นั่งในรถไฟให้กลายเป็นที่นอน พนักงานคนนี้ใช้เวลาเร็วมากในการจัดเตรียม ตั้งแต่เปลี่ยนที่นั่ง เอาเตียงบนลง เอาที่นอนออกมาปู จนกระทั่งติดม่าน ใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีต่อสองที่นอน
และแล้วเราก็ได้ที่นอนที่พร้อมนอนตลอดคืนครับ
ที่นอนหลังจากปิดม่าน น่านอนชะมัด
ในรถขบวนนี้ เวลากลางดึกรถไฟในขบวนจะหรี่ไฟลงครับ แต่ไม่ถึงขั้นปิดไฟ ซึ่งช่วยอย่างมากในการนอนหลับ แล้วไฟจะเปิดอีกครั้งเมื่อรถไฟถึงสถานีรังสิต พร้อมพนักงานปลุกผู้โดยสาร
ข้อแนะนำ ควรเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย เพราะแอร์ในรถเย็นมาก ผ้าห่มของรถไฟค่อนข้างบาง ผมต้องนอนขดตลอดคืนเพราะไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาว
สุดท้าย รถไฟมาถึงสถานีบางเขนราวๆ 04.50 ช้ากว่าเวลาในตั๋วประมาณสิบนาที รูปที่บางเขนไม่ได้ถ่ายไว้เพราะกำลังมึนครับ โดยรวมแล้วรถไฟขบวนนี้ดีมากเมื่อเทียบกับรถขบวนเก่า นอกจากตัวรถที่ดูใหม่แล้ว พนักงานประจำรถ ตำรวจรถไฟ พนักงานทำความสะอาด พนักงานขายของ พูดจาค่อนข้างสุภาพมาก อาจจะไม่สุภาพแบบแอร์โฮสเตส แต่ก็ถือว่าพูดจากดีเมื่อเทียบกับรถไฟขบวนต่างๆที่ผมเคยขึ้นมา ยังไงก็อยากให้ทุกคนลองใช้บริการดูนะครับ แล้วก็ช่วยๆกันรักษารถไฟเหล่านี้ให้ดูใหม่ให้น่าใช้ตลอดเวลาด้วยการไม่ไปขีดเขียน หรือมือบอนกับส่วนต่างๆของขบวนรถ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านครับ มีอะไรจะติชมก็เชิญแสดงความคิดเห็นได้เลยนะครับ ไว้เจอกันในโอกาสต่อไปครับ