วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2562

นั่งรถเมล์ไปคริสมาสแลนด์...ไหนว่าสวยไง!!!

ผมเรียนภาษาจีนที่ซือต้ามาได้เกือบเดือนแล้ว ทักษะก็ถือว่าก้าวหน้าอยู่นะ แต่ความก้าวหน้าของผมกับของคนอื่นอาจจะยึดต่างกันก็ได้ ของผมแค่อ่านตัวจีนได้เพิ่มนิดนึง หรือแค่เข้าใจประโยคเพิ่มนิดนึงก็ถือว่าก้าวหน้าแล้ว เพราะผมเทียบว่าจากศูนย์ จากไม่รู้อะไรเลยแต่เรารู้มากกว่าเดิมก็ถือว่าก้าวหน้าแล้ว

เดือนธันวาคมถือเป็นเดือนของการเฉลิมฉลอง เพราะมีสองเทศกาลอยู่ในเดือนเดียวกัน คือคริสมาส และปีใหม่ คราวนี้ที่ไปที่มาของการไปที่นี่คือ เหล่าซือถามบรรดานักเรียนว่า คริสมาสไปเที่ยวที่ไหน พวกแก๊งเด็กเวียดนามก็ตอบว่าไปที่ปันเฉียว มีเทศกาลคริสมาส สวยงามมาก คนเยอะนู่นนี่นั่น เหล่าซือก็เสริม บอกเออ...ใช่ ที่ปันเฉียวมีเทศกาสคริสมาส มีต้นคริสมาสใหญ่ๆน่าลองไปดูนะ 

ส่วนผมคริสมาสไปไหนนั่นเหรอ ไม่ได้ไปไหนเลย เพราะไปเรียนกลับมาก็ครึ่งวันแล้ว ตอนเย็นไปปั่นจักรยานอีก กลับมามาคัดจีนอ่านหนังสืออีก ไม่ได้ไปไหนหรอก แต่วันนี้(วันที่ 27 ธันวาคม)เป็นวันศุกร์ หลังเคลียร์งานเหล่าซือและคัดจีนเสร็จก็คิดถึงการไซโคของเหล่าซือและแก๊งเด็กเวียดนาม แล้วก็นึกได้ว่าไอ้ปันเฉียวเนี่ยเราเห็นบ่อยๆจากป้ายบนรถเมล์ งี้เราก็นั่งจากบ้านไปที่ปันเฉียวได้เลยอ่ะดิ ไม่ต้องไปนั่งรถไฟฟ้า 

คิดได้แบบนั้นก็เลยตัดสินใจ เอาวะ....ไปก็ไป อย่างน้อยก็ถือว่าได้นั่งรถเมล์เที่ยว


เริ่มจากป้ายรถเมล์หน้าบ้านเลย บ้านผมถือว่าทำเลดีมาก นอกจากใกล้ที่จอดจักรยาน Ubike แล้ว เดินมานิดเดียวก็เจอป้ายรถเมล์อีก ตัวป้ายรถเมล์จะมีบอกว่ารถเมล์สายไหนผ่านบ้าง ด้วยความที่ที่นี่ไม่ใช่ถนนใหญ่ รถเมล์เลยผ่านอยู่ไม่กี่สาย หนึ่งในนั้นคือสาย 264 หลู่โจว-ปันเฉียว


นอกจากบอกว่าสายไหนผ่านบ้าง ทุกป้ายรถเมล์ในไต้หวันจะมีป้ายที่บอกว่าแต่ละสายนั้นจอดที่ไหนบ้าง เป็นป้ายกลมๆให้เราหมุนอ่านแบบนี้ โดยป้ายนี้ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาจีน มีภาษาอังกฤษเฉพาะป้ายที่สำคัญๆเท่านั้น เช่นป้ายรถเมล์ที่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเป็นต้น


ด้วยการเรียนภาษาจีนมาเกือบเดือน ทำให้ผมพออ่านตัวจีนออก แล้วพอรู้ว่าจะไปที่ไหน(ขอบคุณซือต้ามากครับ) เรียนมาเกือบเดือนก็สามารถอ่านป้ายรถเมล์ออกได้ แต่ไม่ทุกตัวนะ พอดูได้คร่าวๆ อย่างที่นิ้วผมชี้ เราจะลงป้าย "ปันเฉียวเชอจ้าน" กัน



นี่บรรยากาศแถวที่พักครับ ตรงนี้คือถนนหมินจู แถวนี้มีตึกแถวร้านค้าเยอะมากๆ ส่วนชั้นบนก็เป็นที่พักอาศัย


รออยู่สักพักรถเมล์สาย 264 ก็มา



ภายในรถเมล์ รถเมล์ไทเปต้องแตะบัตรทั้งขึ้นและลงนะครับ แต่ไม่จำเป็นว่าต้องขึ้นประตูหน้าลงประตูหลังแบบสิงคโปร์ ที่นี่ขึ้นประตูไหนก็ได้ แต่ถ้าไม่มีบัตรก็ไปหยอดเหรียญที่ข้างคนขับ ที่กรุงเทพพยายามจะใช้ระบบนี้แต่ล้มเหลว แล้วอ้างว่ากว่าจะแตะบัตรกว่าจะหยอดเหรียญ เสียเวลา ใช้เวลานานต้องต่อคิว แต่ทำไมที่อื่นเขาทำได้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน พอมาบ้านเราเออ...ทำไม่ได้แฮะ ต้องใช้กระเป๋ารถเมล์เหมือนเดิม ผมว่าไอเดียของผู้บริหารขสมก.เรื่องลดกระเป๋ารถเมล์ แล้วใช้ระบบหยอดเหรียญแตะบัตรแบบนี้ดีนะ(เฉพาะเรื่องนี้) แต่คนต้องปรับตัว แต่วิสัยของคนไทย(บางส่วน) ไม่ยอมปรับตัว แถมด่าอีก ก็จมกับระบบรถเมล์ห่วยๆแบบนี้ต่อไปแล้วกัน


รถเมล์ที่ไทเปและนิวไทเปบางคันจะมีจอแบบนี้คอยบอกครับว่าป้ายรถเมล์แต่ละป้ายจะใช้เวลากี่นาที แต่ที่มีทุกคันคือเสียงประกาศในรถเมล์ว่าป้ายหน้าคือป้ายไหน อันนี้ก็ดีมากๆ แต่ป้ายนี้ไม่มีภาษาอังกฤษนะครับ จีนล้วนๆ


สะพานข้ามฝั่งจากไทเปข้ามฝั่งไปยังนิวไทเป


หลังจากนั่งรถมาประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ป้ายรถเมล์นี้คือป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟปันเฉียว เราต้องเดินข้ามถนนไปอีกทีหนึ่ง


ก่อนข้ามถนนขอแวะเซเว่นก่อน หิวน้ำมากกกกกก


ระหว่างที่เดินข้ามถนนมองไปแล้วก็รู้สึกว่า เออ...บ้านเมืองมันสวยดีนะ ถนนก็โล่ง ดูสะอาดสะอ้าน ตึกรามบ้านช่องก็ดูสวยงามไปหมด


ข้ามถนนมาก็เจอนี่ก่อนเลยครับ สวนสาธารณะหน้าสถานีรถไฟ ตรงนี้ก็มีการจัดกิจกรรมคริสมาสเหมือนกัน ตึกที่เห็นนี่ด้านล่างคือสถานีรถไฟปันเฉียวเป็นทั้งสถานีรถไฟ สถานีรถไฟความเร็วสูง และสถานีรถไฟฟ้าในอาคารเดียวกัน ถือเป็นสถานีใหญ่สถานีหนึ่งเลย




นอกจากมีต้นคริสมาสแล้วก็มีที่ให้เด็กๆมาปีนป่ายเล่น แล้วก็มีร้านค้ามาเปิดบูทกัน


เดินเลาะๆมาที่สถานีรถไฟปันเฉียว

ระหว่างที่เดินจากสถานีรถไฟไปที่คริสมาสแลนด์ ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย เพราะมัวแต่ดูแผนที่อยู่ ตานี่ก้มมองกูเกิ้ลแมพแทบจะตลอด เพราะไม่เคยมาแถวนี้เลย ระหว่างทาง ด้วยความที่แถวนี้รถเยอะมาก เยอะกว่าในตัวกรุงไทเปอีก ระหว่างทางม้าลายก็จะมีตำรวจมาคอยอำนวยความสะดวก คอยกันรถให้อะไรประมาณนั้น ผมเห็นตำรวจถี่มาก แถวหลู่โจวที่ผมอยู่นี่แทบไม่เจอตำรวจเลย 55555




พอใกล้จะถึง"คริสมาสแลนด์" ก็เริ่มเห็นกระประดับไฟที่หนาตาขึ้น


ในที่สุดก็มาถึงแล้ว เอาจริงๆผิดจากที่ผมคาดไว้มากกกก คงเพราะผมหาข้อมูลไม่ดีพอเอง คือตอนแรกเข้าใจว่ามันน่าจะเป็นห้าง หรือลานกิจกรรมซักอย่าง แต่ปรากฎว่า ตรงที่ตั้งนี้คือ"ศาลากลางนครนิวไทเป" พอเห็นคนอื่นเดินเข้าไปก็เลยเดินงงๆเข้าไปกับเขาด้วย


ตัวอาคารศาลากลาง


เข้ามาจะเจอจุดถ่ายรูปก่อนเลย โซนนี้เด็กๆจะชอบเป็นพิเศษ นอกจากนี้โดยรอบก็มีนิทรรศการอีกนิดหน่อย ซึ่งผมเห็นว่าไม่น่าสนใจเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา


ขณะที่กำลังงงๆว่าไอ้คริสมาสแลนด์เนี่ยมันมีอะไร ก็ลองเดินมาเรื่อยๆจนพบว่ามันเป็นทางเดินมาที่ลานกว้างหลังสำนักงาน เมื่อเข้ามาก็เห็นว่า มีการประดับไฟ มีการออกร้านค้า แล้วก็มีเครื่องเล่นนิดหน่อย


ห้าโมงเย็นที่นี่คือพระอาทิตย์ตกแล้ว เริ่มมืดแล้ว



เด็กๆและพ่อแม่ พากันต่อคิวรอเล่นเครื่องเล่น


ม้าหมุนก็มา



ตรงนี้คือบูธร้านค้า ร้านค้าที่มาออกบูธมีไม่ค่อยเยอะเลย เท่าที่เห็นก็พวกเสื้อผ้าสองสามร้าน มีร้านขายไข่ไก่ แล้วก็ร้านขายพวกสินค้าอุปโภคเช่น สบู่ แชมพู ร้านหนังสือ ร้านของเล่นนิดหน่อย แล้วดูเงียบเหงามาก อาจจะเป็นเพราะผมมาหลังวันคริสมาสไปแล้วก็ได้ สำหรับผมมันดูเฉยๆมากกกกก

หลังจากเดินเล่นนั่งเล่นรอจนมืดค่ำ เดาว่าน่าจะเป็นไฮไลท์ของงานคือมีการยิงภาพไปที่ตึกศาลากลาง กับต้นคริสมาสเปลี่ยนสี




ต้นคริสมาสเปลี่ยนเป็นรูปภาพต่างๆ




เดินๆเล่นเห็นกระป๋องมันดูสวยดี เลยลองซื้อมาหนึ่งกระป๋อง กระป๋องนี้กินๆไปนี่มันแฟนต้าดีๆนี่เอง

หลังจากเดินเล่นอยู่ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เดินกลับไปขึ้นรถเมล์ที่หน้าสถานีปันเฉียว





ระหว่างเดินกลับมาที่ป้ายรถเมล์ พอมาถึงป้ายรถเมล์ ผมรอรถสายเดิม 264 กะว่าจะนั่งกลับ พอรถเมล์มาถึงก็ขึ้นรถไปตามปกติ


คนในรถค่อนข้างเยอะ ผมยืนเกือบตลอดทาง ปรากฎว่า รถสาย 264 ขาไปมันผ่านป้ายรถเมล์หน้าบ้าน แต่ขากลับมันไม่ผ่าน รถอ้อมข้ามซอยบ้านผมไปซะแบบนั้น โผล่อีกทีตรงหน้าสถานีรถไฟฟ้าหลู่โจว สถานีสุดสายสีเหลือง ผมเลยลงรถที่นั่น แล้วปั่นจักรยาน Ubike จากที่นั่นกลับห้องแทน ถือว่ายังดีที่แถวนั้นมีจักรยาน ถ้าไม่มีจักรยาน ผมเดินกลับไกลแน่ๆ ถือว่าเป็นการนั่งรถเมล์เล่นที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ส่วนคริสมาสแลนด์ผมว่าแถวเซ็นทรัลเวิลด์บ้านเรานี่ยังดูดีกว่าอีกนะ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น